พาณิชย์แนะช่องผู้ผู้ส่งออกไทย ใช้จีเอสพีรัสเซียดันยอดส่งออกให้มากขึ้น ล่าสุด ผลสำสำรวจ 2 เดือนแรกปี 52 พบแค่ 25%
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างไทยกับรัสเซีย ในช่วงปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 3,839.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยมีการส่งออกมูลค่า 956.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้ามูลค่า 2,883.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย 1,927 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์จากการกลั่นทาร์ในมูลค่าสูง
ส่วนภาวะการค้าในช่วง 2 เดือนแรกปี 2552 (ม.ค.- ก.พ.) มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 214.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยมีการส่งออกมูลค่า 63.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้ามูลค่า 151.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย เพียง 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไทยมียอดขาดดุลการค้ารัสเซียถึง 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) นั้น รัสเซียให้สิทธิฯ ประเทศไทยในสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจำนวนหลายรายการ โดยลดหย่อนภาษีนำเข้าปกติลงถึงร้อยละ 25 โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.- ก.พ.) กรมการค้าต่างประเทศออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีขาเข้าประเทศรัสเซีย จำนวน 1,009 ฉบับ มูลค่า 23.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว เครื่องปรับอากาศ โพลิเอสเตอร์ ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องประดับเพชรพลอย ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์เหล็ก แร่ และอะลูมิเนียมเจือ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิจีเอสพีสูง ได้แก่ ข้าว ร้อยละ 67 ของการใช้สิทธิรวม พืชผัก/ผลไม้ปรุงแต่ง ร้อยละ 7 สับปะรดปรุงแต่ง ร้อยละ 4 ข้าวโพดหวานปรุงแต่ง ร้อยละ 4 เป็นต้น
น.ส.ชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้าวไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปรัสเซียสูง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีการส่งออกถึง 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีการใช้สิทธิฯ เพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 25 จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ส่งออกเร่งมาขอใช้สิทธิฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกภายใต้จีเอสพีจากรัสเซียให้มากยิ่งขึ้น
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างไทยกับรัสเซีย ในช่วงปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 3,839.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยมีการส่งออกมูลค่า 956.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้ามูลค่า 2,883.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย 1,927 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์จากการกลั่นทาร์ในมูลค่าสูง
ส่วนภาวะการค้าในช่วง 2 เดือนแรกปี 2552 (ม.ค.- ก.พ.) มีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 214.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยมีการส่งออกมูลค่า 63.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้ามูลค่า 151.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้ารัสเซีย เพียง 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไทยมียอดขาดดุลการค้ารัสเซียถึง 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) นั้น รัสเซียให้สิทธิฯ ประเทศไทยในสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจำนวนหลายรายการ โดยลดหย่อนภาษีนำเข้าปกติลงถึงร้อยละ 25 โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 (ม.ค.- ก.พ.) กรมการค้าต่างประเทศออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีขาเข้าประเทศรัสเซีย จำนวน 1,009 ฉบับ มูลค่า 23.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ข้าว เครื่องปรับอากาศ โพลิเอสเตอร์ ส่วนประกอบรถยนต์ และเครื่องประดับเพชรพลอย ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์เหล็ก แร่ และอะลูมิเนียมเจือ เป็นต้น สินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิจีเอสพีสูง ได้แก่ ข้าว ร้อยละ 67 ของการใช้สิทธิรวม พืชผัก/ผลไม้ปรุงแต่ง ร้อยละ 7 สับปะรดปรุงแต่ง ร้อยละ 4 ข้าวโพดหวานปรุงแต่ง ร้อยละ 4 เป็นต้น
น.ส.ชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้าวไทยมีศักยภาพในการส่งออกไปรัสเซียสูง โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มีการส่งออกถึง 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีการใช้สิทธิฯ เพียง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิฯ ร้อยละ 25 จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ส่งออกเร่งมาขอใช้สิทธิฯ เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกภายใต้จีเอสพีจากรัสเซียให้มากยิ่งขึ้น
