xs
xsm
sm
md
lg

‘อมตะ’รอศก.ฟื้น ดันที่ดินขายออก ตปท.10รายสนใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อมตะ คอร์ปอเรชั่น” ยืนยันความแข็งแกร่งทางโครงสร้างการเงิน หนี้ต่ำ กระแสเงินสดมีพ ร้อมเพียง แค่รัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่าย เพื่อรอภาวะเศรษฐกิจไทยคลี่คลายมากกว่านี้ พร้อมยอมรับครึ่งปีแรกรายได้-กำไรลดลงจากปีก่อน ส่วนภาพรวมและเป้าหมายธุรกิจขอประเมินอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 คุยหากทุกอย่างดีขึ้น ต่างชาติกว่า 10 รายพร้อมเซ็นสัญญาซื้อที่ดินร่วม 200 ไร่

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ในขณะนี้แนวทางการบริหารงานของบริษัทจะเน้นการลงทุนใหม่ให้น้อยที่สุดและพยายามปรับลดค่าใช่จ่ายด้านต่างๆ รวมถึงการชะลอแผนการลงทุน เช่น สาธารณูปโภค เพื่อรักษากระแสเงินสดในมือให้เพียงพอรองรับภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่สามารถคาดหมายได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีลูกค้ารายไหนสนใจต้องการซื้อที่ดินของบริษัทนั้นคงจำเป็นต้องมีการเซ็นสัญญาให้เรียบร้อยก่อน แล้วทางบริษัทจึงจะดำเนินการลงทุนด้านสาธารณูปโภค เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ สภาพคล่องยังอยู่ในระดับดี และสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.3 เท่า รวมถึงมีทรัพย์สินเป็นที่ดินประมาณ 3,000-5,000 ไร่ จากปัจจัยเหล่านี้ถือว่ามีความพร้อมพอสมควรหากเมื่อใดเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว ก็น่าจะเห็น AMATA กลับมาเติบโตอีกครั้ง

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 52 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้และกำไรปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวและความวุ่นวายทางการเมืองในดือนที่ผ่านมาจนทำให้ยอดขายที่ดินในครึ่งปีแรกวูบลงเหลือ 49.7ไร่ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 191 ไร่ หรือลดลง 141.3 ไร่ หรือคิดเป็น 73.98% อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวหวังว่ารายได้ในส่วนของสาธารณูปโภคและอื่นๆน่าจะสามารถช่วยเสริมยอดขายที่ดินที่หายไปได้ ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/52 เชื่อว่าจะออกจมาแย่กว่างวดเดียวกันของปีก่อน หลังยอดขายที่ดินในเดือนเมษายน-พฤษภาคม อยู่ในระดับที่ 0 ไร่

ขณะที่เป้ายอดขายสำหรับปีนี้ บริษัทยังคงต้องขอประเมินภาพรวมของบริษัทในช่วง 9 เดือน หรือจนถึงไตรมาส 3/52 จึงจะสามารถบอกได้ว่ามุมมองหรือทิศทางของบริษัทจะเป็นไปเช่นใดถึงจะปรับประมาณการณ์ยอดขายและรายได้ที่ชัดเจนในปี 52 ได้

“แม้ปัจจุบันว่าสถานการณ์การเมืองไทยดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่ก็ไม่มีใครตอบได้ว่าในอนาคตจะเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มใดเกิดขึ้นอีก และความรุนแรงจะมีมากหรือน้อยจนมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจแค่ไหน ซึ่งถ้าในอนาคตเกิดการเคลื่อนไหวไปในทางใด ก็จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่จะเข้าติดต่อกับบริษัท” นายวิบูลย์กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงผ่านยอมรับว่าบริษัทฯ ได้มีการเจรจาเพื่อขอยืดระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ (รีไฟแนนซ์) จำนวน 1.3 พันล้านบาท กับสถาบัณการเงินในประเทศไทย อาทิ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ฯลฯ จากเดิมที่จะต้องมีการจ่ายเงินบางส่วนในปีนี้ ไปเป็นปี2553 แทน ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับตัวดีขึ้น และแม้ว่าจะรีไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้วแต่อัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงเป็นไปตามเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ประเมินว่าธุรกิจส่วนใหญ่ที่ยังพอมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ คงจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรม เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวถือเป็นหัวใจที่สำคัญของเมืองไทยที่มีความชำนาญและสามารถผลิตได้ปริมาณมาก แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าคงจะยังไม่ใช่ธุรกิจในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากยังไม่มีสัญญาการฟื้นตัวที่แน่ชัด ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นเริ่มเห็นทิศทางดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้ากว่า 10 ราย จากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป สนใจซื้อที่ดินของAMATA รวมพื้นที่เกือบ 200 ไร่ โดยเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทเครื่องมือการเกษตร แต่นักลงทุนทั้งหมดก็ยังไม่ได้ให้ความมั่นใจเรื่องกำหนดการเซ็นสัญญาที่แน่นอนอันผลจากปัญหาการเมืองใประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโลกซบเซา

ปัจจุบัน AMATA มีงานในมือ (black log) มูลค่า 600 ล้านบาท จากโครงการในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร 200 ล้านบาท และอมตะซิตี้จำนวน 400 ล้านบาท ซึ่งจะพยายามเร่งการโอนกับทางลูกค้าให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันกับมาตรการลดหย่อนภาษีการโอนที่ดินของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้มีผลบังคับใช้แล้ว

“เราเชื่อ black log ไตรมาส 2/52 น่าจะลดลงอีกเพราะจากการจูงใจลูกให้รีบทำการโอนที่เพื่อจะได้รับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีที่ในตอนนี้เหลือเพียง 0.11% จากก่อนหน้าที่มีต้องเสียภาษีค่าโอนที่ 3.3% ซึ่งถ้าเราเร่งสปีดการโอนที่ดินได้ก็คาดว่าน่าจะมีมูลประมาณ 100-200 ล้านบาทภายในปีนี้ อีกทั้งอาจจะมีการลดค่าเช่าอาคารสำนักงานลงประมาณ 6-7% เพื่อเป็นการจูงใจลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย” นายวิบูลย์กล่าว

ส่วนกรณีที่บริษัท Holy ของประเทศจีนติดต่อขอซื้อพื้นที่ของบริษัทจำนวน 100-200 ไร่ เพื่อการทำนิคมอุตสาหกรรมโดยมีกำหนดระยะเวลา 3 ปี และได้ชำระเงินในเบื้องต้นแล้วประมาณ 20% ของมูลค่ารวมทั้งหมด 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันเหลือสัญญาอีกเพียงแค่ 1 ปีแต่อย่างไรก็ตามหากหมดสัญญาหรือในช่วงระหว่างสัญญาหากมีกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนพื้นที่ของบริษัทดังกล่าวก็จำเป็นต้องชำระเงินเข้ามาให้AMATA ทางบริษัทยืนยันว่าแม้เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วทาง Holy ยังขายพื้นที่ไม่หมดก็ต้องชำระเงินตามที่ทำสัญญาไว้กับบริษัททั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น