ซีพีเอฟ พลาดเป้า 4 เดือน โต 4% ต่ำกว่าเป้าถึง 11% เร่งทำการบ้านหนักแตกไลน์2ธุรกิจใหม่ “ไฟว์สตาร์ไรซ์-ข้าวมันไก่” ชงโมเดลแฟรนไชส์รถโมบาย หวังสร้างโอกาสการกินรูปแบบใหม่ พร้อมเพิ่มความถี่เปิดตัวเมนูใหม่ อัดโปรโมชันลดราคา หวังสิ้นปีโต 15% ตามเป้าหมายกวาด 4,000 ล้านบาท
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดไก่ย่างห้าดาว เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เติบโต 4% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 15% หรือน้อยกว่าเป้า 11% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นในช่วง 8 เดือน บริษัทต้องดำเนินการตลาดเชิงรุก ด้วยการขยายไลน์ธุรกิจใหม่และเปิดตัวเมนูใหม่จากไตรมาสละ 1 เมนู เป็น 2 เมนู ตลอดจนการทำโปรโมชันลดราคาสินค้า หลังจากก่อนนี้ประสบความสำเร็จลดราคาไก่จ๊อจาก 25 บาท เหลือ 20 บาท ยอดขายโต 150 % เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวธุรกิจร้านอาหารใหม่ภายใต้แบรนด์”ไฟว์สตาร์ไรซ์” หรือรูปแบบรถโมบายลักษณ์แฟรนไชส์จำหน่าย 5 เมนู ได้แก่ ข้าวเมนูไก่ กุ้ง ปลา โดยมีที่นั่ง 3-4 โต๊ะ นำร่องเปิดที่มหาวิทยาลัยรังสิตในเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะเดียวกันยังแตกไลน์ธุรกิจร้านข้าวมันไก่ภายใต้แบรนด์”ห้าดาว” คอนเซปต์ในรูปแบบโมบายในลักษณะแฟรนไชส์ นำร่องทดลองจำหน่าย 12 แห่ง และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรูปแบบร้านอาหาร คาดว่าจะสรุปได้ 3-4 เดือน ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้าขยายจุดจำหน่าย 450 แห่ง แบ่งเป็น ธุรกิจใหม่ 50 แห่ง และไก่ย่างห้าดาว 400 แห่ง
นายสถิต กล่าวว่า การที่บริษัทต้องเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสการกินในรูปแบบใหม่มากขึ้น เนื่องจากโอกาสในการกินไก่ย่างมีไม่มากนัก บริษัทจึงเปิดตัวไฟว์สตาร์ไรซ์ หรือกระทั่งข้าวมันไก่ เพื่อเพิ่มโอกาสการกินและกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ส่วนเรื่องไข้หวัดเม็กซิโก มองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับคนไทย และเชื่อว่าไก่ย่างห้าดาวยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการที่คนหันมากินไก่แทนหมู และหากโรคไข้หวัดเม็กซิโกเกิดขึ้นในประเทศไทย ถึงเวลานั้นคงต้องมาดูผลตอบรับกันอีกครั้ง
สำหรับปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 120 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการตลาด ล่าสุดเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง คือ ไก่ย่างห้าดาว ไก่จ๊อห้าดาว และไก่ทอดห้าดาว นำร่องภาพยนตร์ไก่ย่างห้าดาว เน้นคอนเซปต์มิตรภาพและความผูกพัน ผ่านย้อนภาพในอดีตเรื่องความสุขและความทรงจำ โดยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์”ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ”เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ทันสมัย อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกสิ้นปีนี้ บริษัทเติบโต 15% ตามเป้าหมาย หรือกวาดรายได้เพิ่มจาก 3,500ล้านบาท เป็น 4,000ล้านบาท
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดไก่ย่างห้าดาว เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เติบโต 4% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 15% หรือน้อยกว่าเป้า 11% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ดังนั้นในช่วง 8 เดือน บริษัทต้องดำเนินการตลาดเชิงรุก ด้วยการขยายไลน์ธุรกิจใหม่และเปิดตัวเมนูใหม่จากไตรมาสละ 1 เมนู เป็น 2 เมนู ตลอดจนการทำโปรโมชันลดราคาสินค้า หลังจากก่อนนี้ประสบความสำเร็จลดราคาไก่จ๊อจาก 25 บาท เหลือ 20 บาท ยอดขายโต 150 % เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวธุรกิจร้านอาหารใหม่ภายใต้แบรนด์”ไฟว์สตาร์ไรซ์” หรือรูปแบบรถโมบายลักษณ์แฟรนไชส์จำหน่าย 5 เมนู ได้แก่ ข้าวเมนูไก่ กุ้ง ปลา โดยมีที่นั่ง 3-4 โต๊ะ นำร่องเปิดที่มหาวิทยาลัยรังสิตในเดือนพฤษภาคมนี้ ขณะเดียวกันยังแตกไลน์ธุรกิจร้านข้าวมันไก่ภายใต้แบรนด์”ห้าดาว” คอนเซปต์ในรูปแบบโมบายในลักษณะแฟรนไชส์ นำร่องทดลองจำหน่าย 12 แห่ง และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรูปแบบร้านอาหาร คาดว่าจะสรุปได้ 3-4 เดือน ทั้งนี้ปีนี้ตั้งเป้าขยายจุดจำหน่าย 450 แห่ง แบ่งเป็น ธุรกิจใหม่ 50 แห่ง และไก่ย่างห้าดาว 400 แห่ง
นายสถิต กล่าวว่า การที่บริษัทต้องเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขยายโอกาสการกินในรูปแบบใหม่มากขึ้น เนื่องจากโอกาสในการกินไก่ย่างมีไม่มากนัก บริษัทจึงเปิดตัวไฟว์สตาร์ไรซ์ หรือกระทั่งข้าวมันไก่ เพื่อเพิ่มโอกาสการกินและกระตุ้นยอดขายมากขึ้น ส่วนเรื่องไข้หวัดเม็กซิโก มองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับคนไทย และเชื่อว่าไก่ย่างห้าดาวยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการที่คนหันมากินไก่แทนหมู และหากโรคไข้หวัดเม็กซิโกเกิดขึ้นในประเทศไทย ถึงเวลานั้นคงต้องมาดูผลตอบรับกันอีกครั้ง
สำหรับปีนี้บริษัทวางงบการตลาด 120 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการตลาด ล่าสุดเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง คือ ไก่ย่างห้าดาว ไก่จ๊อห้าดาว และไก่ทอดห้าดาว นำร่องภาพยนตร์ไก่ย่างห้าดาว เน้นคอนเซปต์มิตรภาพและความผูกพัน ผ่านย้อนภาพในอดีตเรื่องความสุขและความทรงจำ โดยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์”ก้อย-รัชวิน วงศ์วิริยะ”เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ทันสมัย อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกสิ้นปีนี้ บริษัทเติบโต 15% ตามเป้าหมาย หรือกวาดรายได้เพิ่มจาก 3,500ล้านบาท เป็น 4,000ล้านบาท
