กกร.เสนอ 6 วาระเร่งด่วน ให้รัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งการเมือง และแก้ไขปัญหาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วาระเร่งด่วน โดยระบุว่า กกร.ได้ประเมินสถานการณ์หลังความวุ่นวายการเมือง และมีความเห็นต่อสถานการณ์และเสนอต่อรัฐบาลใน 6 เรื่อง คือ 1.สนับสนุนกระบวนการปฏิบัติที่จะนำไปไปสู่ความสงบสุขในประเทศ 2.ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาค 3.เร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
4.สนับสนุนให้มีมาตรการเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยเฉพาะการอาศัยสื่อต่างประเทศ เวทีประชุมนานาชาติ 5.สนับสนุนให้นำประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา และประการที่ 6.แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งทั้ง 6 เรื่องเป็นสิ่งที่ กกร.อยากให้ภาครัฐบาลและคนไทยร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความสงบสุขโดยเร็ว
ส่วนผลกระทบเหตุความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา นายสันติ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมากที่สุด สำหรับภาคอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุความวุ่นวายการเมืองจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบบ้าง แต่จะมากน้อยแค่ไหนจะต้องพิจารณาต่อไป แต่เชื่อมั่นว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในทางที่ดี น่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ กลับมาดีขึ้น
“เท่าที่ดูสัญญาณขณะนี้เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ดังนั้นภาคเอกชนจะขอรอดูเศรษฐกิจใน 2 ไตรมาสสุดท้ายว่าเป็นอย่างไร ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ อยากให้รัฐบาลได้พิจารณาที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา เพื่อชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ของไทย”
ขณะนี้ ภาคเอกชนกำลังติดตาม ว่า เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วาระเร่งด่วน โดยระบุว่า กกร.ได้ประเมินสถานการณ์หลังความวุ่นวายการเมือง และมีความเห็นต่อสถานการณ์และเสนอต่อรัฐบาลใน 6 เรื่อง คือ 1.สนับสนุนกระบวนการปฏิบัติที่จะนำไปไปสู่ความสงบสุขในประเทศ 2.ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเสมอภาค 3.เร่งรัดการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
4.สนับสนุนให้มีมาตรการเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยเฉพาะการอาศัยสื่อต่างประเทศ เวทีประชุมนานาชาติ 5.สนับสนุนให้นำประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองเข้าสู่กระบวนการรัฐสภา และประการที่ 6.แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งทั้ง 6 เรื่องเป็นสิ่งที่ กกร.อยากให้ภาครัฐบาลและคนไทยร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความสงบสุขโดยเร็ว
ส่วนผลกระทบเหตุความวุ่นวายทางการเมืองที่ผ่านมา นายสันติ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวมากที่สุด สำหรับภาคอุตสาหกรรมยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
อย่างไรก็ตาม จากเหตุความวุ่นวายการเมืองจะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจได้รับผลกระทบบ้าง แต่จะมากน้อยแค่ไหนจะต้องพิจารณาต่อไป แต่เชื่อมั่นว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในทางที่ดี น่าจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศ กลับมาดีขึ้น
“เท่าที่ดูสัญญาณขณะนี้เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐและจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว ดังนั้นภาคเอกชนจะขอรอดูเศรษฐกิจใน 2 ไตรมาสสุดท้ายว่าเป็นอย่างไร ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ อยากให้รัฐบาลได้พิจารณาที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา เพื่อชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ของไทย”
ขณะนี้ ภาคเอกชนกำลังติดตาม ว่า เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อย เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะประกาศยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
