เอเอฟุตแวร์ รับเศรษฐกิจยังน่าเป็นห่วง ต้องอัดกิจกรรมเคลียร์แรนซ์เซลส์เพิ่มเป็น 4 ครั้ง กระตุ้นตลาด พร้อมลุยเปิดชอปเพิ่มอีกทั้งปิแอร์การ์แดงและเจอ็อกซ์ เผยปีหน้าแบรนด์เจอ็อกซ์ เลิกผลิตในไทยต้องนำเข้า ส่งผลต้องปรับราคาขึ้น พร้อมปรับไลน์การผลิตรองเท้า ปิแอร์การ์แดง คว้าสิทธิ์แบรนด์ใหม่ AEROSOLES ทำตลาดกลางปีนี้ ตั้งเป้าสิ้นปีรายได้รวมบริษัทโต 15% เท่าปีที่แล้ว
นางศุภวรรณ พัฒนานิธิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเอ ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้า แบรนด์ “เจอ็อกซ์” และ “ปิแอร์การ์แดง” เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯต้องทำการตลาดมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น การจัดโปรโมชั่นลดราคา การลงทุนขยายสาขา การทำซีอาร์เอ็ม เพื่อผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 15% เท่ากับปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังมีไม่มากนัก ซึ่งในอดีตเคยเติบโตมากถึง 20%
“สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้น่ากลัวมาก แต่เราก็ต้องทำต่อไป หยุดไม่ได้ ปีนี้เราคงเหนื่อยเหมือนปีที่แล้ว เดิมเราตั้งเป้าโตปีที่แล้ว 15% แต่มีเหตุการณ์ระเบิดช่วงต้นปี ปิดสนามบินปลายปี และม็อบการเมืองทั้งปี ไตรมาสแรกและสี่แย่ ลูกค้าต่างประเทศหายหมดเลย ส่วนไตรมาสสองและสามเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้าง ปีที่แล้วเราต้องทำเคลียร์แรนซ์เซลส์มากถึง 4 ครั้ง จากปกติทำแค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือ ซัมเมอร์กับหน้าหนาว ถ้าไม่ทำแล้วคงไม่สามารถทำได้ตามเป้า 15% แน่นอน ต้องยอมรับโตเพราะทำตลาดหนักและลดราคา”
ทั้งนี้ปีที่แล้วแบรนด์เจอ็อกซ์มีอัตราการเติบโตยอดขายมากกว่าถึง 40% แม้ว่าทำตลาดมา 8 ปีก็ตาม ขณะที่ ปิแอร์การ์แดงทำตลาดมานานกว่า 15 ปี ยังเติบโตน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นรายได้หลักกว่า 60% อยู่เหมือนเดิม
นางศุภวรรณ กล่าวถึงแผนปีนี้ว่า ได้เตรียมจัดเคลียร์แรนเซลส์ 4 ครั้งเช่นกัน ครั้งแรกจัดขึ้นวันที่ 6 มีนาคม – 19 เมษายนนี้ ในชอปทั่วประเทศกับเคาน์เตอร์ตามห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นจะลงทุนเปิดชอปเพิ่มอีก จากปัจจุบันที่มี เคาน์เตอร์รวมทั้งหมด 78 จุด แบ่งเป็น ปิแอร์การ์แดงผู้ชาย 18 จุด ปิแอร์การ์แดงผู้หญิง 31 จุด เจอ็อกซ์ผู้ชาย 13 จุด เจอ็อกซ์ผู้หญิง 11 จุดและเจอ็อกซ์เด็ก 5 จุด ส่วนชอปนั้นปัจจุบันมีร้านเจอ็อกซ์ 10 สาขา และมีแผนเปิดเพิ่มในเดือนเมษายนนี้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ พื้นที่ 130 ตารางเมตร และเตรียมที่จะเปิดอีกที่พรีเมียร์เอาท์เล็ต ภูเก็ต เป็นรูปแบบเอาท์เล็ต จากเดิมมีรูปแบบนี้ 3 ที่คือ ชะอำ เขาใหญ่และพัทยา ทั้งนี้ปีที่แล้วเปิดชอปเจอ็อกซ์ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะและเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีชปลายปี
นอกจากนั้นยังมีร้านฟุตแวร์บูติค ที่ขายทั้งสองแบรนด์รวมกันอีก 7 สาขา และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกที่เซ็นทรัลชลบุรีกลางปีนี้ ส่วนที่เซ็นทรัลขอนแก่นอยู่ระหว่างการเจรจาพื้นที่
ปรับราคาเจอ็อกซ์-เลิกผลิตต้องนำเข้า
สำหรับแบรนด์เจอ็อกซ์นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทยอยเริ่มตั้งแต่ปีนี้นี้ เนื่องจากบริษัทแม่ที่อิตาลีได้ปรับนโยบายใหม่ให้ทุกประเทศทุกดีลเลอร์ต้องสั่งออร์เดอร์และนำเข้ารองเท้าจากอิตาลีเท่านั้น ส่งผลให้ไทยกับญี่ปุ่นซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศเท่านั้นในโลกนี้ที่เป็นไลเซนส์ซิ่งของเจอ็อกซ์คือสามารถผลิตเองได้ แต่ปีหน้าไม่สามารถทำได้เล้ว ต้องนำเข้าจากอิตาลีเท่านั้น ส่งผลให้ราคารองเท้าต้องปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าต้องปรับราคาขึ้นอย่างต่ำ 15-20%
ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยในปัจจุบันของเจอ็อกซ์ กลุ่มผู้ชายอยู่ที่ 5,000-8,000 บาท, รองเท้าผู้หญิงอยู่ที่ 3,500-5,000 บาท, รองเท้าเด็กราคาอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทแม่เคยช่วยเหลือทางด้านราคาให้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ตั้งงบตลาดไว้ที่ 10% ของยอดขายแบรดน์เจอ็อกซ์ ซึ่งเดิมรองเท้าเจอ็อกซ์ที่จำหน่ายในไทยเรียกได้ว่าราคาแทบจะต่ำที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
ปรับผลิตเน้นสไตล์คอมฟอร์ท
นอกจากนั้นแล้วในส่วนของโรงงานผลิต ปีนี้ได้ปรับแผนการผลิตใหม่ โดยจะผลิตรูปแบบรองเท้าที่ตลาดให้การยอมรับและดี จะไม่ผลิตทุกรูปแบบเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนและลดสต๊อคได้ด้วย ซึ่งบริษัทฯมีโรงงานผลิตเองทำให้มีความยืดหยุ่นได้ดีกว่าจ้างโรงงานอื่นผลิต ซึ่งบริษัทฯได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตรองเท้าปิแอร์การ์แดงจากประเทศฝรั่งเศส และสามารถส่งออกจำหน่ายต่างประเทศได้ในประเทศที่ไม่มีผู้ได้รับไลเซ่นส์ผลิต
โดยปีนี้คาดว่าจะลดการผลิตรองเท้าประเภท ใส่ทำงาน รองเท้าบู้ท หันมาเน้นการผลิตรองเท้าประเภทคอมฟอร์ท ลำลอง หรือแตะมากขึ้น ของแบรนด์ปิแอร์การ์แดงมากขึ้น เน้นตลาดที่ราคาไม่สูงเกินไป และจำหน่ายได้ง่ายด้วย โดยจะลดความเป็นรองเท้าแฟชั่นลง ระดับราคารองเท้าอยู่ที่ 1,200-1,800 บาท
ได้ไลเซ่นส์แบรนด์ใหม่
นอกจากนั้นในปีนี้จะทำตลาดแบรนด์ใหม่คือรองเท้า AEROSOLES จากประเทศอเมริกา เป็นรองเท้าผู้หญิง แฟชั่น แตกต่างจาก 2 แบรนด์เดิม เพราะเป็นรองเท้ากึ่งสุขภาพแฟชั่น สามารถพับงอได้ มีทั้งประเภทรองเท้าแตะ ลำลอง แคชชู ส้นตึก จะเริ่มจำหน่ายกลางเดือนพฤษภาคม ปีแรกคาดว่าจะเปิดเคาน์เตอร์ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวและชิดลม แยกต่างหากจากเคาน์เตอร์ 2 แบรนด์เดิม
นางศุภวรรณ พัฒนานิธิ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเอ ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้า แบรนด์ “เจอ็อกซ์” และ “ปิแอร์การ์แดง” เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯต้องทำการตลาดมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น การจัดโปรโมชั่นลดราคา การลงทุนขยายสาขา การทำซีอาร์เอ็ม เพื่อผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 15% เท่ากับปีที่แล้ว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี รวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังมีไม่มากนัก ซึ่งในอดีตเคยเติบโตมากถึง 20%
“สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้น่ากลัวมาก แต่เราก็ต้องทำต่อไป หยุดไม่ได้ ปีนี้เราคงเหนื่อยเหมือนปีที่แล้ว เดิมเราตั้งเป้าโตปีที่แล้ว 15% แต่มีเหตุการณ์ระเบิดช่วงต้นปี ปิดสนามบินปลายปี และม็อบการเมืองทั้งปี ไตรมาสแรกและสี่แย่ ลูกค้าต่างประเทศหายหมดเลย ส่วนไตรมาสสองและสามเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้าง ปีที่แล้วเราต้องทำเคลียร์แรนซ์เซลส์มากถึง 4 ครั้ง จากปกติทำแค่ปีละ 2 ครั้งเท่านั้น คือ ซัมเมอร์กับหน้าหนาว ถ้าไม่ทำแล้วคงไม่สามารถทำได้ตามเป้า 15% แน่นอน ต้องยอมรับโตเพราะทำตลาดหนักและลดราคา”
ทั้งนี้ปีที่แล้วแบรนด์เจอ็อกซ์มีอัตราการเติบโตยอดขายมากกว่าถึง 40% แม้ว่าทำตลาดมา 8 ปีก็ตาม ขณะที่ ปิแอร์การ์แดงทำตลาดมานานกว่า 15 ปี ยังเติบโตน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นรายได้หลักกว่า 60% อยู่เหมือนเดิม
นางศุภวรรณ กล่าวถึงแผนปีนี้ว่า ได้เตรียมจัดเคลียร์แรนเซลส์ 4 ครั้งเช่นกัน ครั้งแรกจัดขึ้นวันที่ 6 มีนาคม – 19 เมษายนนี้ ในชอปทั่วประเทศกับเคาน์เตอร์ตามห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นจะลงทุนเปิดชอปเพิ่มอีก จากปัจจุบันที่มี เคาน์เตอร์รวมทั้งหมด 78 จุด แบ่งเป็น ปิแอร์การ์แดงผู้ชาย 18 จุด ปิแอร์การ์แดงผู้หญิง 31 จุด เจอ็อกซ์ผู้ชาย 13 จุด เจอ็อกซ์ผู้หญิง 11 จุดและเจอ็อกซ์เด็ก 5 จุด ส่วนชอปนั้นปัจจุบันมีร้านเจอ็อกซ์ 10 สาขา และมีแผนเปิดเพิ่มในเดือนเมษายนนี้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ พื้นที่ 130 ตารางเมตร และเตรียมที่จะเปิดอีกที่พรีเมียร์เอาท์เล็ต ภูเก็ต เป็นรูปแบบเอาท์เล็ต จากเดิมมีรูปแบบนี้ 3 ที่คือ ชะอำ เขาใหญ่และพัทยา ทั้งนี้ปีที่แล้วเปิดชอปเจอ็อกซ์ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะและเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีชปลายปี
นอกจากนั้นยังมีร้านฟุตแวร์บูติค ที่ขายทั้งสองแบรนด์รวมกันอีก 7 สาขา และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีกที่เซ็นทรัลชลบุรีกลางปีนี้ ส่วนที่เซ็นทรัลขอนแก่นอยู่ระหว่างการเจรจาพื้นที่
ปรับราคาเจอ็อกซ์-เลิกผลิตต้องนำเข้า
สำหรับแบรนด์เจอ็อกซ์นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทยอยเริ่มตั้งแต่ปีนี้นี้ เนื่องจากบริษัทแม่ที่อิตาลีได้ปรับนโยบายใหม่ให้ทุกประเทศทุกดีลเลอร์ต้องสั่งออร์เดอร์และนำเข้ารองเท้าจากอิตาลีเท่านั้น ส่งผลให้ไทยกับญี่ปุ่นซึ่งเป็นเพียง 2 ประเทศเท่านั้นในโลกนี้ที่เป็นไลเซนส์ซิ่งของเจอ็อกซ์คือสามารถผลิตเองได้ แต่ปีหน้าไม่สามารถทำได้เล้ว ต้องนำเข้าจากอิตาลีเท่านั้น ส่งผลให้ราคารองเท้าต้องปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งคาดว่าต้องปรับราคาขึ้นอย่างต่ำ 15-20%
ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยในปัจจุบันของเจอ็อกซ์ กลุ่มผู้ชายอยู่ที่ 5,000-8,000 บาท, รองเท้าผู้หญิงอยู่ที่ 3,500-5,000 บาท, รองเท้าเด็กราคาอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทแม่เคยช่วยเหลือทางด้านราคาให้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ตั้งงบตลาดไว้ที่ 10% ของยอดขายแบรดน์เจอ็อกซ์ ซึ่งเดิมรองเท้าเจอ็อกซ์ที่จำหน่ายในไทยเรียกได้ว่าราคาแทบจะต่ำที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
ปรับผลิตเน้นสไตล์คอมฟอร์ท
นอกจากนั้นแล้วในส่วนของโรงงานผลิต ปีนี้ได้ปรับแผนการผลิตใหม่ โดยจะผลิตรูปแบบรองเท้าที่ตลาดให้การยอมรับและดี จะไม่ผลิตทุกรูปแบบเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนและลดสต๊อคได้ด้วย ซึ่งบริษัทฯมีโรงงานผลิตเองทำให้มีความยืดหยุ่นได้ดีกว่าจ้างโรงงานอื่นผลิต ซึ่งบริษัทฯได้ลิขสิทธิ์ในการผลิตรองเท้าปิแอร์การ์แดงจากประเทศฝรั่งเศส และสามารถส่งออกจำหน่ายต่างประเทศได้ในประเทศที่ไม่มีผู้ได้รับไลเซ่นส์ผลิต
โดยปีนี้คาดว่าจะลดการผลิตรองเท้าประเภท ใส่ทำงาน รองเท้าบู้ท หันมาเน้นการผลิตรองเท้าประเภทคอมฟอร์ท ลำลอง หรือแตะมากขึ้น ของแบรนด์ปิแอร์การ์แดงมากขึ้น เน้นตลาดที่ราคาไม่สูงเกินไป และจำหน่ายได้ง่ายด้วย โดยจะลดความเป็นรองเท้าแฟชั่นลง ระดับราคารองเท้าอยู่ที่ 1,200-1,800 บาท
ได้ไลเซ่นส์แบรนด์ใหม่
นอกจากนั้นในปีนี้จะทำตลาดแบรนด์ใหม่คือรองเท้า AEROSOLES จากประเทศอเมริกา เป็นรองเท้าผู้หญิง แฟชั่น แตกต่างจาก 2 แบรนด์เดิม เพราะเป็นรองเท้ากึ่งสุขภาพแฟชั่น สามารถพับงอได้ มีทั้งประเภทรองเท้าแตะ ลำลอง แคชชู ส้นตึก จะเริ่มจำหน่ายกลางเดือนพฤษภาคม ปีแรกคาดว่าจะเปิดเคาน์เตอร์ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวและชิดลม แยกต่างหากจากเคาน์เตอร์ 2 แบรนด์เดิม
