ซีพีเฟรชมาร์ท ลุยปี 52 เปิดแผน 4 หมัดเด็ด หวังดันสู่ยอดขาย 5,000 ล้านบาทปีนี้ ผุดร้านเพิ่ม 250 สาขา กระจายตู้ชุมชน เพิ่มวาไรตี้ จัดส่ง 24 ชั่วโมง
นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านซีพี เฟรชมาร์ท เปิดเผยว่า ในปี 2522 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ทำได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และประมาณ 1,500 ล้านบาทเมื่อปี 2550 ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีก็ตาม แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจอาหารที่คนต้องบริโภคอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยเงินจำนวน 15% จากรายได้จะเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหารอยู่แล้ว
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้หลักๆ คือ 1.การขยายสาขาร้านซีพีเฟรชมาร์ท เพิ่มอีกอย่างต่ำ 250-300 สาขา จากปัจจุบันที่มีประมาณ 500 สาขา เพื่อให้กระจายเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยลงทุนเฉลี่ย 7.5 แสน-1 ล้านบาทต่อสาขา รวมสินค้าด้วย 2.การขยายตู้เย็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 600 จุดแล้ว โดยตู้เย็นชุมชนนี้จะกระจายไปตามชุมชนย่อยๆ ที่ยังไม่เป็นตลาดใหญ่พอที่จะลงทุนเปิดร้านซีพีเฟรชมาร์ทได้ โดยกำหนดไว้ว่า 1 สาขาของซีพีเฟรชมาร์ทจะมี 5 ตู้เย็นชุมชนล้อมรอบ ซึ้งผู้ที่จะมาร่วมเป็นตู้เย็นชุมชนนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยวันละ 300-500 บาท
3.การเพิ่มวาไรตี้และปริมาณสินค้า ในส่วนของอาหารพร้อมทานและพร้อมปรุงมากขึ้น ระดับราคาเฉลี่ย 29-32 บาทต่อกล่อง จากเดิมที่จะเน้นทางด้านวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าร้านมากขึ้นและมีทางเลือกมากขึ้น เช่น ล่าสุด วางจำหน่ายเนื้อหมูดำซีพี-คูโรบูตะ 4.การเพิ่มบริการดีลิเวอรี่ 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการวางระบบต่างๆ โดยจะทำการเอาท์ซอร์สในเรื่องของคอล์เซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับ 2 รายคือ ซีพีออลล์ กับ ทรู ส่วนอุปกรณ์ในการส่งนั้นบริษัทลงทุนเอง คาดว่า ไม่มากนัก
“แต่เดิมนั้นเราจัดส่งให้ช่วง 6 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น และร้านก็ปิดประมาณ 3 ทุ่ม หากสั่ง 300 บาทขึ้นไป ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตรจากสาขา แต่ตอนนี้เราจะจัดส่งมากขึ้น ผ่านทางคอลล์เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นทางเลือกในการบริการให้กับผู้บริโภคมากขึ้นและเป็นการเพิ่มยอดขายได้ด้วย” นายจักร์ชัย กล่าว ส่วนบนของฟอร์ม
นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านซีพี เฟรชมาร์ท เปิดเผยว่า ในปี 2522 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2551 ทำได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และประมาณ 1,500 ล้านบาทเมื่อปี 2550 ซึ่งบริษัทมั่นใจว่า จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีก็ตาม แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจอาหารที่คนต้องบริโภคอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อยเงินจำนวน 15% จากรายได้จะเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหารอยู่แล้ว
สำหรับแผนธุรกิจปีนี้หลักๆ คือ 1.การขยายสาขาร้านซีพีเฟรชมาร์ท เพิ่มอีกอย่างต่ำ 250-300 สาขา จากปัจจุบันที่มีประมาณ 500 สาขา เพื่อให้กระจายเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยลงทุนเฉลี่ย 7.5 แสน-1 ล้านบาทต่อสาขา รวมสินค้าด้วย 2.การขยายตู้เย็นชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 600 จุดแล้ว โดยตู้เย็นชุมชนนี้จะกระจายไปตามชุมชนย่อยๆ ที่ยังไม่เป็นตลาดใหญ่พอที่จะลงทุนเปิดร้านซีพีเฟรชมาร์ทได้ โดยกำหนดไว้ว่า 1 สาขาของซีพีเฟรชมาร์ทจะมี 5 ตู้เย็นชุมชนล้อมรอบ ซึ้งผู้ที่จะมาร่วมเป็นตู้เย็นชุมชนนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จะมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยวันละ 300-500 บาท
3.การเพิ่มวาไรตี้และปริมาณสินค้า ในส่วนของอาหารพร้อมทานและพร้อมปรุงมากขึ้น ระดับราคาเฉลี่ย 29-32 บาทต่อกล่อง จากเดิมที่จะเน้นทางด้านวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าร้านมากขึ้นและมีทางเลือกมากขึ้น เช่น ล่าสุด วางจำหน่ายเนื้อหมูดำซีพี-คูโรบูตะ 4.การเพิ่มบริการดีลิเวอรี่ 24 ชั่วโมง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการวางระบบต่างๆ โดยจะทำการเอาท์ซอร์สในเรื่องของคอล์เซ็นเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับ 2 รายคือ ซีพีออลล์ กับ ทรู ส่วนอุปกรณ์ในการส่งนั้นบริษัทลงทุนเอง คาดว่า ไม่มากนัก
“แต่เดิมนั้นเราจัดส่งให้ช่วง 6 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น และร้านก็ปิดประมาณ 3 ทุ่ม หากสั่ง 300 บาทขึ้นไป ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตรจากสาขา แต่ตอนนี้เราจะจัดส่งมากขึ้น ผ่านทางคอลล์เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นทางเลือกในการบริการให้กับผู้บริโภคมากขึ้นและเป็นการเพิ่มยอดขายได้ด้วย” นายจักร์ชัย กล่าว ส่วนบนของฟอร์ม
