ที.ซี.แนลเชอรัล อัดฉีด 50 ล้านบาท ปั้นสินค้านวัตกรรมใหม่ ปลุกตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปีนี้โตลดลง หลังเศรษฐกิจซบผู้ประกอบการแห่ลดลงสร้างตลาด พร้อมปรับโพซิชันนิงเวคกี้ ปัดฝุ่นเป็นสินค้าลดปริมาณแอลกอฮอล์แทนแก้อาการเมาค้าง หวังขยายฐานลูกค้าใหม่ สิ้นปีรายได้รวมโต 50%
นายปิยะ กิตติธีรพรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี.แนลเชอรัล ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ บริ๊งค์, โอเม็กซ์, เวคกี้ และ ยู-สลิม เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังกชันนัลดริงก์มูลค่า 2,000-2,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าโต 20% เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดโตไม่ต่ำกว่า 100% ทั้งนี้ การเติบโตที่ลดลงมาจากผู้ประกอบการไม่ค่อยเคลื่อนไหวทางการตลาด เพราะผลพวงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย อาจลดงบในการทำตลาด อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับสินค้า
“เศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งที่เคย และไม่เคยทำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ ไม่กล้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เพราะกลัวว่าผู้บริโภคจะไม่จับจ่าย รายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน”
ดังนั้น การที่ตลาดจะเติบโต ผู้ประกอบการต้องนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาด โดยปีนี้บริษัททุ่มงบ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 20 ล้านบาท โดยแนวทางการตลาดบริษัทจะเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ 2 ตัว ประกอบด้วย สินค้าเพื่อความงามภายใต้แบรนด์บริ๊งค์ และสินค้าเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ใหม่ เพื่อสอดรับกับกระแสสุขภาพและความต้องการของตลาด เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ตลาดสินค้าเพื่อความงาม อาทิ กระชับผิว ไวท์เทนนิง หรือ คอลลาเจน แนวโน้มของตลาดเริ่มอิ่มตัว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน คอลล์เซ็นเตอร์ การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทดแทนช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านขายยาที่หดตัวลงเรื่อยๆ พร้อมการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาด ณ จุดขาย
**ปรับโพซิชันนิงเวคกี้ขยายลูกค้า**
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทยังได้ปรับโพซิชันนิงเวคกี้ใหม่ จากผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างมาเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์แทน เนื่องจากพบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ต้องการผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้าง แต่กลัวปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากในร่างกายหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยได้เตรียมทุ่มงบ 5-10 ล้านบาท ในการสื่อสาร สำหรับในปีนี้กลุ่มเวคกี้ บริษัทตั้งเป้ามีการเติบโต 10%
ภาวะตลาดผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างปีนี้มูลค่า 700 ล้านบาท คาดว่า ไม่เติบโต หรืออาจจะลดลง โดยผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ลดลง คาดว่า จะไม่กระทบกลุ่มเป้าหมายมากนัก เพราะเป็นกลุ่มมีกำลังการซื้อสูง ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างชนิดเม็ด เวคกี้ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80-90% ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 40-30% ซึ่งมีแบรนด์แฮงค์เป็นผู้นำ
สำหรับตลาดเสริมอาหารมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ปีนี้เติบโต 10% แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายและเครื่องดื่ม 40% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไปและวิตามิน 50% และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและอื่นๆ 10% โดยปัจจุบัน บริ๊งค์ ครองส่วนแบ่ง 25% จากตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อความงาม มูลค่า 1,000 ล้านบาท และปีนี้บริษัทตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่ง ส่วนผลประกอบการโดยรวมปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 50% แบ่งเป็น บริ๊งค์ 80% และที่เหลืออีก 20% เป็น เวคกี้ โอเม็กซ์ ยู-สลิม
นายปิยะ กิตติธีรพรชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี.แนลเชอรัล ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ บริ๊งค์, โอเม็กซ์, เวคกี้ และ ยู-สลิม เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดฟังกชันนัลดริงก์มูลค่า 2,000-2,500 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าโต 20% เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดโตไม่ต่ำกว่า 100% ทั้งนี้ การเติบโตที่ลดลงมาจากผู้ประกอบการไม่ค่อยเคลื่อนไหวทางการตลาด เพราะผลพวงภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย อาจลดงบในการทำตลาด อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับสินค้า
“เศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งที่เคย และไม่เคยทำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริงก์ ไม่กล้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด เพราะกลัวว่าผู้บริโภคจะไม่จับจ่าย รายได้ไม่คุ้มกับการลงทุน”
ดังนั้น การที่ตลาดจะเติบโต ผู้ประกอบการต้องนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมากระตุ้นตลาด โดยปีนี้บริษัททุ่มงบ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาใช้งบ 20 ล้านบาท โดยแนวทางการตลาดบริษัทจะเปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ใหม่ 2 ตัว ประกอบด้วย สินค้าเพื่อความงามภายใต้แบรนด์บริ๊งค์ และสินค้าเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ใหม่ เพื่อสอดรับกับกระแสสุขภาพและความต้องการของตลาด เพราะผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ตลาดสินค้าเพื่อความงาม อาทิ กระชับผิว ไวท์เทนนิง หรือ คอลลาเจน แนวโน้มของตลาดเริ่มอิ่มตัว
ขณะเดียวกัน บริษัทยังเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่าน คอลล์เซ็นเตอร์ การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทดแทนช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านขายยาที่หดตัวลงเรื่อยๆ พร้อมการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาด ณ จุดขาย
**ปรับโพซิชันนิงเวคกี้ขยายลูกค้า**
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทยังได้ปรับโพซิชันนิงเวคกี้ใหม่ จากผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างมาเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยลดปริมาณแอลกอฮอล์แทน เนื่องจากพบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ต้องการผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้าง แต่กลัวปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากในร่างกายหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยได้เตรียมทุ่มงบ 5-10 ล้านบาท ในการสื่อสาร สำหรับในปีนี้กลุ่มเวคกี้ บริษัทตั้งเป้ามีการเติบโต 10%
ภาวะตลาดผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างปีนี้มูลค่า 700 ล้านบาท คาดว่า ไม่เติบโต หรืออาจจะลดลง โดยผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจ และตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ลดลง คาดว่า จะไม่กระทบกลุ่มเป้าหมายมากนัก เพราะเป็นกลุ่มมีกำลังการซื้อสูง ทั้งนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แก้อาการเมาค้างชนิดเม็ด เวคกี้ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80-90% ส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 40-30% ซึ่งมีแบรนด์แฮงค์เป็นผู้นำ
สำหรับตลาดเสริมอาหารมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ปีนี้เติบโต 10% แบ่งเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายและเครื่องดื่ม 40% ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั่วไปและวิตามิน 50% และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กและอื่นๆ 10% โดยปัจจุบัน บริ๊งค์ ครองส่วนแบ่ง 25% จากตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์เพื่อความงาม มูลค่า 1,000 ล้านบาท และปีนี้บริษัทตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่ง ส่วนผลประกอบการโดยรวมปีนี้ ตั้งเป้าเติบโต 50% แบ่งเป็น บริ๊งค์ 80% และที่เหลืออีก 20% เป็น เวคกี้ โอเม็กซ์ ยู-สลิม