ฟิลิปส์ปรับแผนตลาดแบบรัดกุม หวังฝ่ามรสุมเศรษฐกิจไปได้ คุมการใช้กระแสเงินสดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ชูพนักงานทำงานแบบวันสต๊อปเซอร์วิส นำเข้าสินค้าใหม่ ต้องโตกว่าตลาด 2 เท่า กำไรมากกว่าปีก่อน
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ ที่มองว่า จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกนั้น ทางบริษัทได้เตรียมแผนรับมือรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นไว้อย่างรัดกุม ส่วนหนึ่งถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่กำหนดไว้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการปรับที่ประเมินจากสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่า จะเกิดขึ้น โดยทางบริษัทมุ่งหวังให้ปีนี้จะยังคงการเติบโตมากกว่าตัวเลขจีดีพี 2 เท่า เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ภายใต้กลุ่มธุรกิจ 3 ด้าน คือ 1.คอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 2.ไลท์ติ้ง หรืออุปกรณ์ให้แสงสว่าง และ 3. เฮลท์แคร์ กับเครื่องมือทางการแพทย์
โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้ ในแง่ขององค์การ จะมีการปรับลดขั้นตอนการทำงานให้สั้นลง มีการปรับตำแหน่งบังคับบัญชาให้น้อยลง เพื่อทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยวิธีการดังกล่าวถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่นำไปใช้ทั่วโลก เพื่อรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่แผนที่ทางบริษัทเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในปีนี้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ในแง่การขายจะมีการให้ความรู้อบรม เพื่อให้พนักงานขายสามารถเข้าถึงลูกค้าพร้อมนำเสนอสินค้าได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจในรูปแบบวันสตอปเซอร์วิสในกลุ่มลูกค้าโครงการ รวมถึงอบรมให้พนักงานมีความรู้และความเข้าใจในการแนะนำสินค้า ณ จุดขายมากขึ้น เพราะจากการวิจัย พบว่า 40% ของลูกค้ามีการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามบริหารการใช้กระแสเงินสดและสินค้าคงคลังให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรลงทุน หรือต้องชะลอดูตลาด ซึ่งในแง่การลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่ในกลุ่มสินค้า ยังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเน้นการตลาดเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มไลท์ติ้ง ซึ่งมีส่วนแบ่างทางการตลาดมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มเฮลธ์แคร์ จะพยายามขึ้นเป็นผู้นำในปีนี้ หลังจากปีก่อนเป็น 1 ใน 2 ของตลาดดังกล่าว ส่วนกลุ่มคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ จะต้องรักษาอันดับหนึ่งในกลุ่มเตารีด, เครื่องปั่น อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทมีการใช้งบการตลาดทั้งปีที่ 600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่สัดส่วยรายได้ ยังมาจากคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ 41% ไลท์ติ้ง 37% และเฮลธ์แคร์ 22% โดยปีนี้จะเน้นตลาดโครงการมากยิ่งขึ้นในกลุ่มธุรกิจไลท์ติ้ง เนื่องจากมองว่ามีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้อยู่ ขณะที่ในตลาดแมสค่อนข้างครอบคลุมการจำหน่ายทั้งหมดแล้ว
นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ซีอีโอและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจในปีนี้ ที่มองว่า จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกนั้น ทางบริษัทได้เตรียมแผนรับมือรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นไว้อย่างรัดกุม ส่วนหนึ่งถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่กำหนดไว้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการปรับที่ประเมินจากสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่า จะเกิดขึ้น โดยทางบริษัทมุ่งหวังให้ปีนี้จะยังคงการเติบโตมากกว่าตัวเลขจีดีพี 2 เท่า เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ภายใต้กลุ่มธุรกิจ 3 ด้าน คือ 1.คอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 2.ไลท์ติ้ง หรืออุปกรณ์ให้แสงสว่าง และ 3. เฮลท์แคร์ กับเครื่องมือทางการแพทย์
โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้ ในแง่ขององค์การ จะมีการปรับลดขั้นตอนการทำงานให้สั้นลง มีการปรับตำแหน่งบังคับบัญชาให้น้อยลง เพื่อทำให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยวิธีการดังกล่าวถือเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่นำไปใช้ทั่วโลก เพื่อรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่แผนที่ทางบริษัทเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในปีนี้ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ในแง่การขายจะมีการให้ความรู้อบรม เพื่อให้พนักงานขายสามารถเข้าถึงลูกค้าพร้อมนำเสนอสินค้าได้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจในรูปแบบวันสตอปเซอร์วิสในกลุ่มลูกค้าโครงการ รวมถึงอบรมให้พนักงานมีความรู้และความเข้าใจในการแนะนำสินค้า ณ จุดขายมากขึ้น เพราะจากการวิจัย พบว่า 40% ของลูกค้ามีการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามบริหารการใช้กระแสเงินสดและสินค้าคงคลังให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้องรู้ว่าสถานการณ์ไหนควรลงทุน หรือต้องชะลอดูตลาด ซึ่งในแง่การลงทุนต้องพิจารณาให้รอบคอบ ขณะที่ในกลุ่มสินค้า ยังจะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเน้นการตลาดเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มไลท์ติ้ง ซึ่งมีส่วนแบ่างทางการตลาดมากกว่า 40% ในปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มเฮลธ์แคร์ จะพยายามขึ้นเป็นผู้นำในปีนี้ หลังจากปีก่อนเป็น 1 ใน 2 ของตลาดดังกล่าว ส่วนกลุ่มคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ จะต้องรักษาอันดับหนึ่งในกลุ่มเตารีด, เครื่องปั่น อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทมีการใช้งบการตลาดทั้งปีที่ 600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่สัดส่วยรายได้ ยังมาจากคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ 41% ไลท์ติ้ง 37% และเฮลธ์แคร์ 22% โดยปีนี้จะเน้นตลาดโครงการมากยิ่งขึ้นในกลุ่มธุรกิจไลท์ติ้ง เนื่องจากมองว่ามีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้อยู่ ขณะที่ในตลาดแมสค่อนข้างครอบคลุมการจำหน่ายทั้งหมดแล้ว