“โรสมีเดีย” ผวาแผ่นผีซีดีเถื่อนยังหลอกหลอน ชี้ แนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ปรับหางเสือใหม่ มุ่งหาช่องทางใหม่แบบนิวมีเดีย เพื่อสร้างรายได้ทดแทน ทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์หนังเพิ่ม พร้อมตัดตลาดศูนย์เช่าให้กับทางยูไนเต็ด รับไปทำเพื่อลดความเสี่ยง
นางอรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ รองประธานสายงานจัดหาและจำหน่ายลิขสิทธิ์ บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาแผ่นผีซีดีเถื่อนในปัจจุบันมีความรุนแรงกว่าเดิมมากขึ้น มาตรการปราบปรามแผ่นผีละเมิดลิขสิทธิ์ยังปราบไม่หมด อีกทั้งตลาดโฮมวิดีโอปีนี้ คาดว่า จะแย่ลงกว่าเดิมมาก
นโยบายบริษัทจึงได้ปรับทิศทางมุ่งไปหาช่องทางสื่ออื่นๆ เพิ่มมากขึ้นแบบนิวมีเดีย เช่น วิดีโอออนดีมานด์ ไอพีทีวี โมบายสตรีมมิ่ง โมบายดาวน์โหลด เพย์เพอร์วิว เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ๆ เนื่องจากสัดส่วนรายได้บริษัทที่ผ่านมา มาจากโฮมวิดีโอมากกว่า 50% หรือมาจากตลาดขาย 65% และตลาดเช่า 35% และคาดว่า ผลประกอบการปีนี้จะเติบโต 20-25%
ขณะนี้ลิขสิทธิ์หนังใหม่ๆ ที่บริษัทซื้อมาก็จะได้แบบนิวมีเดียด้วยบางเรื่อง เช่น “ยิปมัน” ได้ลิขสิทธิ์แบบโมบายดาวน์โหลด รวมทั้งหมดกว่า 20 เรื่องที่จะมีนิวมีเดียแตกต่างกันไป จากเดิมที่ลิขสิทธิ์หนังที่ซื้อมาจะได้แบบออลไรต์อยู่แล้ว โดยเฉลี่ยงบประมาณที่ใช้ซื้อลิขสิทธิ์รวมทั้งหมดอยู่ที่ 400 ล้านบาทต่อปี รวมการ์ตูนด้วย
นอกจากนั้น บริษัทได้ปรับแผนเรื่องการทำตลาดศูนย์เช่าใหม่ โดยมอบลิขสิทธิ์การทำตลาดช่องทางศูนย์เช่าให้กับทาง ยูไนเต็ดโฮม เป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนและลดความเสี่ยง โดยที่ยังคงมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดิม
“เราเปลี่ยนสถานะจากผู้จำหน่ายศูนย์เช่ามาเป็นผู้ขายสิทธิ์ศูนย์เช่าให้กับทางบริษัท ยูไนเต็ดฯ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเป็นจุดแข็ง ทำให้โรสฯเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาด ทั้งนี้ ปัญหาของการล่าช้าในการพิจารณาตรวจสอบของกองเซ็นเซอร์ และผลกระทบของการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มีแนวโน้มที่จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ด้วย”
นางอรพรรณ กล่าวว่า โดยปีนี้บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์หนังต่างประเทศเข้ามาทำตลาด มากกว่าปีก่อนประมาณ 60-70 ล้านบาท และหนังที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นหนังเอเชีย 60% จากเดิมที่เป็นหนังฮอลลีวูดกว่า 70% เนื่องจากเชื่อมั่นว่า หนังเอเชียจะกลับมาได้รับความนิยมอีก รวมทั้งค่าลิขสิทธิ์ก็ต่ำลงกว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่ราคาสูงผิดปกติ เพราะการแข่งขันซื้อลิขสิทธิ์นั่นเอง ซึ่งคาดว่า ปีนี้จะมีหนังเข้าฉายในโรงหนังกว่า 16-24 เรื่อง เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 10 กว่าเรื่อง
“เมื่อก่อนนี้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องละ 2 แสนกว่าเหรียญ สำหรับหนังเอเชีย แต่ตอนนี้เหลือแค่ 30,000 กว่าเหรียญเท่านั้นเอง ส่วนหนังเกาหลีขึ้นถึง 1.8 แสนเหรียญต่อเรื่อง ส่วนหนังฮอลลีวูดเมื่อก่อนก็พุ่งขึ้นเกินจริงเหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่สัมผัสได้ เพราะเราก็เจอด้วยตัวเอง” นางอรพรรณ กล่าว
นางอรพรรณ มนต์พิชิต บวรวัฒนะ รองประธานสายงานจัดหาและจำหน่ายลิขสิทธิ์ บริษัท โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาแผ่นผีซีดีเถื่อนในปัจจุบันมีความรุนแรงกว่าเดิมมากขึ้น มาตรการปราบปรามแผ่นผีละเมิดลิขสิทธิ์ยังปราบไม่หมด อีกทั้งตลาดโฮมวิดีโอปีนี้ คาดว่า จะแย่ลงกว่าเดิมมาก
นโยบายบริษัทจึงได้ปรับทิศทางมุ่งไปหาช่องทางสื่ออื่นๆ เพิ่มมากขึ้นแบบนิวมีเดีย เช่น วิดีโอออนดีมานด์ ไอพีทีวี โมบายสตรีมมิ่ง โมบายดาวน์โหลด เพย์เพอร์วิว เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างช่องทางรายได้ใหม่ๆ เนื่องจากสัดส่วนรายได้บริษัทที่ผ่านมา มาจากโฮมวิดีโอมากกว่า 50% หรือมาจากตลาดขาย 65% และตลาดเช่า 35% และคาดว่า ผลประกอบการปีนี้จะเติบโต 20-25%
ขณะนี้ลิขสิทธิ์หนังใหม่ๆ ที่บริษัทซื้อมาก็จะได้แบบนิวมีเดียด้วยบางเรื่อง เช่น “ยิปมัน” ได้ลิขสิทธิ์แบบโมบายดาวน์โหลด รวมทั้งหมดกว่า 20 เรื่องที่จะมีนิวมีเดียแตกต่างกันไป จากเดิมที่ลิขสิทธิ์หนังที่ซื้อมาจะได้แบบออลไรต์อยู่แล้ว โดยเฉลี่ยงบประมาณที่ใช้ซื้อลิขสิทธิ์รวมทั้งหมดอยู่ที่ 400 ล้านบาทต่อปี รวมการ์ตูนด้วย
นอกจากนั้น บริษัทได้ปรับแผนเรื่องการทำตลาดศูนย์เช่าใหม่ โดยมอบลิขสิทธิ์การทำตลาดช่องทางศูนย์เช่าให้กับทาง ยูไนเต็ดโฮม เป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนและลดความเสี่ยง โดยที่ยังคงมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดิม
“เราเปลี่ยนสถานะจากผู้จำหน่ายศูนย์เช่ามาเป็นผู้ขายสิทธิ์ศูนย์เช่าให้กับทางบริษัท ยูไนเต็ดฯ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเป็นจุดแข็ง ทำให้โรสฯเติบโตสวนทางกับภาพรวมตลาด ทั้งนี้ ปัญหาของการล่าช้าในการพิจารณาตรวจสอบของกองเซ็นเซอร์ และผลกระทบของการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์มีแนวโน้มที่จะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ด้วย”
นางอรพรรณ กล่าวว่า โดยปีนี้บริษัทได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์หนังต่างประเทศเข้ามาทำตลาด มากกว่าปีก่อนประมาณ 60-70 ล้านบาท และหนังที่ซื้อมาส่วนใหญ่เป็นหนังเอเชีย 60% จากเดิมที่เป็นหนังฮอลลีวูดกว่า 70% เนื่องจากเชื่อมั่นว่า หนังเอเชียจะกลับมาได้รับความนิยมอีก รวมทั้งค่าลิขสิทธิ์ก็ต่ำลงกว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่ราคาสูงผิดปกติ เพราะการแข่งขันซื้อลิขสิทธิ์นั่นเอง ซึ่งคาดว่า ปีนี้จะมีหนังเข้าฉายในโรงหนังกว่า 16-24 เรื่อง เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 10 กว่าเรื่อง
“เมื่อก่อนนี้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องละ 2 แสนกว่าเหรียญ สำหรับหนังเอเชีย แต่ตอนนี้เหลือแค่ 30,000 กว่าเหรียญเท่านั้นเอง ส่วนหนังเกาหลีขึ้นถึง 1.8 แสนเหรียญต่อเรื่อง ส่วนหนังฮอลลีวูดเมื่อก่อนก็พุ่งขึ้นเกินจริงเหมือนกัน เป็นเรื่องจริงที่สัมผัสได้ เพราะเราก็เจอด้วยตัวเอง” นางอรพรรณ กล่าว