คลังจี้ รพ.คุมค่าใช้จ่าย แนะใช้มาตรฐานเดียวกัน ทั้งขั้นตอนและยาที่รักษา เพราะบางแห่งมีเครื่องมือและใช้ยาที่ราคาสูงเกินไป มีการแจ้งค่ารักษาพยาบาลมายังกรมบัญชีกลางด้วยมาตรฐานต่างกัน โดยพบว่ายาตัวเดียวกันแต่เบิกราคาต่างกัน พร้อมเฉือนงบสวัสดิการ ขรก.เจ็บป่วย 4.5 ล้านคน จากปี 51 ที่ได้ 5.4 หมื่นล. ลงเหลือ 4.8 หมื่นล.
วานนี้ (20 ม.ค.) นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานประชุมชี้แจงผู้บริหารโรงพยาบาลของรัฐ เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้เกษียณอายุ และบุคคลในครอบครัวกว่า 4.5 ล้านคน โดยปี 2552 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 48,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 ที่ได้รับ 54,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้แพทย์และพยาบาลดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมตามสภาพของโรค
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะมีการจัดระบบและหมวดหมู่การรักษาโรคของโรงพยาบาลต่างๆ ให้ใกล้เคียงกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น ทั้งขั้นตอนและยาที่รักษา เพราะโรงพยาบาลบางแห่งมีเครื่องมือและใช้ยาที่ราคาสูงเกินไป รวมทั้งมีการแจ้งค่ารักษาพยาบาลมายังกรมบัญชีกลางด้วยมาตรฐานต่างกัน โดยยาตัวเดียวกันแต่เบิกราคาต่างกัน
นอกจากนี้ ยังต้องการให้โรงพยาบาลเน้นให้ใช้ยาในบัญชีหลัก แต่กรณีที่จำเป็นก็สามารถใช้ยานอกบัญชีได้ ซึ่งเชื่อว่าจะลดภาระงบประมาณลงได้ 10-15%
วานนี้ (20 ม.ค.) นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานประชุมชี้แจงผู้บริหารโรงพยาบาลของรัฐ เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ผู้เกษียณอายุ และบุคคลในครอบครัวกว่า 4.5 ล้านคน โดยปี 2552 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 48,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2551 ที่ได้รับ 54,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้แพทย์และพยาบาลดูแลค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมตามสภาพของโรค
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะมีการจัดระบบและหมวดหมู่การรักษาโรคของโรงพยาบาลต่างๆ ให้ใกล้เคียงกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันมากขึ้น ทั้งขั้นตอนและยาที่รักษา เพราะโรงพยาบาลบางแห่งมีเครื่องมือและใช้ยาที่ราคาสูงเกินไป รวมทั้งมีการแจ้งค่ารักษาพยาบาลมายังกรมบัญชีกลางด้วยมาตรฐานต่างกัน โดยยาตัวเดียวกันแต่เบิกราคาต่างกัน
นอกจากนี้ ยังต้องการให้โรงพยาบาลเน้นให้ใช้ยาในบัญชีหลัก แต่กรณีที่จำเป็นก็สามารถใช้ยานอกบัญชีได้ ซึ่งเชื่อว่าจะลดภาระงบประมาณลงได้ 10-15%