เมกกาแมน ยิ้ม สิ้นปีกวาดรายได้โต 30% สวนพิษเศรษฐกิจ เบนเข็มจับตลาดบน มุ่งไดเร็กเซล เจาะลูกค้าโปรเจกต์ หลีกตลาดแมส หลังพบสู้เจ้าตลาดไม่ไหว มองภาพรวมตลาดหลอดไฟ ปีนี้ยังโตต่อเนื่อง
นายกฤษณ์ เพชราภิรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เมกกาแมน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหลอดไฟประหยัดพลังงาน แบรนด์ เมกกาแมน จากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้มีแผนปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา จากเดิมที่วางสัดส่วนการขายหลักกว่า 60% จับกลุ่มแมสนั้น พบว่า ไม่สามารถแข่งขันได้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากแบรนด์ที่ยังไม่แข็งแกร่ง สู้เจ้าตลาดไม่ไหว เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้เพียง 3-4 ปีเท่านั้น
ดังนั้น ในปีนี้ ทางบริษัทจึงได้โฟกัสกลุ่มเป้าหมายการขายขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยจะเน้นระดับบนเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์ของเมกกาแมนถือเป็นสินค้าที่เน้นเรื่องประหยัดพลังงาน รวมทั้งดีไซน์ที่แตกต่าง การจับตลาดบนจะทำได้ง่ายกว่า ส่งผลให้สัดส่วนช่องทางขายในปีนี้ กว่า 65% เป็นกลุ่มโปรเจกต์ ที่เข้าไปแบบไดเร็กเซล 20% เป็นโมเดิร์นเทรด และอีก 15% เป็นตลาดแมส จากเดิมในปีก่อนกลุ่มแมสจะมีมากถึง 60% ตลาดบนหรือโปรเจกต์มีเพียง 20% และโมเดิร์นเทรดอีก 20%
ทั้งนี้ หลังจากปรับโครงสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่แล้ว พบว่า สร้างรายได้กลับมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ หรือในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมานี้ เมกกาแมนมียอดขายเป็นไปตามเป้า หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 30% จาก 30 ล้านบาทในปีก่อน โดยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พบว่า ช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมา พบว่า ตลาดท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง จนทำให้มีนักท่องเที่ยวหายไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าโรงแรม ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ได้มีการเลื่อนแผนการใช้เงินในการรีโนเวตหรือการก่อสร้างออกไป แต่ถือว่าไม่มาก คิดเป็นจำนวนเพียง 5-10% จากจำนวนลูกค้าโปรเจกต์ที่มีอยู่เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดหลอดไฟมูลค่า 1,200 ล้านบาท ในปีนี้ จะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ เหตุช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งภาครัฐและผู้ดำเนินธุรกิจต่างช่วยกันกระตุ้นตลาดค่อนข้างหนัก ขณะที่กลุ่มหลอดไฟตลาดบนนั้น พบว่า ยังไม่ผู้เล่นจริงจัง ดังนั้น เมกกาแมนจึงถือเป็นผู้เล่นรายเดียวในตลาดนี้ ส่งผลให้หลอดไฟตลาดบนจึงมีสัดส่วนประมาณ 1% ของมูลค่าตลาดหลอดไฟรวมเท่านั้น
นายกฤษณ์ เพชราภิรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เมกกาแมน (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหลอดไฟประหยัดพลังงาน แบรนด์ เมกกาแมน จากประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้มีแผนปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา จากเดิมที่วางสัดส่วนการขายหลักกว่า 60% จับกลุ่มแมสนั้น พบว่า ไม่สามารถแข่งขันได้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากแบรนด์ที่ยังไม่แข็งแกร่ง สู้เจ้าตลาดไม่ไหว เพราะเพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้เพียง 3-4 ปีเท่านั้น
ดังนั้น ในปีนี้ ทางบริษัทจึงได้โฟกัสกลุ่มเป้าหมายการขายขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยจะเน้นระดับบนเป็นหลัก เนื่องจากมองว่าผลิตภัณฑ์ของเมกกาแมนถือเป็นสินค้าที่เน้นเรื่องประหยัดพลังงาน รวมทั้งดีไซน์ที่แตกต่าง การจับตลาดบนจะทำได้ง่ายกว่า ส่งผลให้สัดส่วนช่องทางขายในปีนี้ กว่า 65% เป็นกลุ่มโปรเจกต์ ที่เข้าไปแบบไดเร็กเซล 20% เป็นโมเดิร์นเทรด และอีก 15% เป็นตลาดแมส จากเดิมในปีก่อนกลุ่มแมสจะมีมากถึง 60% ตลาดบนหรือโปรเจกต์มีเพียง 20% และโมเดิร์นเทรดอีก 20%
ทั้งนี้ หลังจากปรับโครงสร้างช่องทางจำหน่ายใหม่แล้ว พบว่า สร้างรายได้กลับมาค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ หรือในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมานี้ เมกกาแมนมียอดขายเป็นไปตามเป้า หรือทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้น 30% จาก 30 ล้านบาทในปีก่อน โดยเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พบว่า ช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมา พบว่า ตลาดท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง จนทำให้มีนักท่องเที่ยวหายไปค่อนข้างเยอะ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าโรงแรม ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ได้มีการเลื่อนแผนการใช้เงินในการรีโนเวตหรือการก่อสร้างออกไป แต่ถือว่าไม่มาก คิดเป็นจำนวนเพียง 5-10% จากจำนวนลูกค้าโปรเจกต์ที่มีอยู่เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดหลอดไฟมูลค่า 1,200 ล้านบาท ในปีนี้ จะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ เหตุช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งภาครัฐและผู้ดำเนินธุรกิจต่างช่วยกันกระตุ้นตลาดค่อนข้างหนัก ขณะที่กลุ่มหลอดไฟตลาดบนนั้น พบว่า ยังไม่ผู้เล่นจริงจัง ดังนั้น เมกกาแมนจึงถือเป็นผู้เล่นรายเดียวในตลาดนี้ ส่งผลให้หลอดไฟตลาดบนจึงมีสัดส่วนประมาณ 1% ของมูลค่าตลาดหลอดไฟรวมเท่านั้น