บอดี้เชพ วืดเป้า คาดสิ้นปีเติบโตเพียง 18% จากเดิมหวังไว้ที่ 25% ส่วนปีหน้ายังพร้อมหว่านเงินขยายสาขาเพิ่ม พร้อมแตกไลน์ลุยคอนซูเมอร์โปรดักส์ ล่าสุด เปิดม่าน “บอดี้เชพ คอฟฟี่” รุกตลาดกาแฟลดอ้วน ทรีอินวัน ลุยรีเทล สนองลูกค้าสู่ตลาดแมส
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษา บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจจะต่ำกว่าเป้าไปเล็กน้อย เนื่องจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่า สิ้นปีบริษัทอาจจะมีรายได้การเติบโตประมาณ 17-18% ไม่ถึงเป้าที่วางไว้ 25% ขณะที่ส่วนแบ่งสถาบันควบคุมน้ำหนักนั้น บอดี้เชพ (รวมคริสตี้ ฟรองซ์) มีส่วนแบ่งมากกว่า 50% โดยภาพรวมตลาดมีมูลค่าที่ 2,000-2,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 10-15%
แผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าดำเนินไปต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุปกรณ์และเครื่องมือ ปีหน้าจะลงทุนอีก 70 ล้านบาท ขณะที่การขยายสาขาศูนย์บอดี้เชพจะยังคงขยายผ่านทางศูนย์การค้า ซึ่งแต่ละสาขาลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขา ส่วน คริสตี้ ฟองท์ ซึ่งขยายไปแบบการขายแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีกว่า 40 ล้านบาท ล่าสุด มีผู้สนใจ 2-3 ราย
นอกจากนี้ ในปีหน้า เน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ในผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก อาทิ ครีมลดน้ำหนัก ที่กำลังเจรจากับทางบู๊ทส์ โดยจะเริ่มจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า หรือกาแฟลดน้ำหนัก "บอดี้เชพ คอฟฟี่" ที่ได้ทดลองทำตลาดมาตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา
นางสาววณิชา สืบวงศ์ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า การที่บริษัทหันมาเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ กับการเปิดตัวกาแฟลดน้ำหนัก บอดี้เชพ คอฟฟี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกและเป็นการขยายฐานลูกค้าระดับแมส ที่ไม่สะดวกจะเข้ามาใช้บริการ
บริษัทได้วางงบการตลาด 10% ของยอดขาย โดยเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551 ทั้งในศูนย์บอดี้เชพ และโมเดิร์นเทรดอย่าง ท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต และวัตสัน ซึ่งแต่ละเดือนสามารถจำหน่ายได้กว่า 5 หมื่นกล่อง หรือมีรายได้ 5-6 ล้านบาทต่อเดือน แต่หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ธ.ค.นี้ พร้อมทั้งนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น และโมเดิร์นเทรดอื่นๆ ในปีหน้า คาดว่า สิ้นปี 2552 นั้น บอดี้เชพ คอฟฟี่ จะสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท
ปัจจุบัน มูลค่ารวมตลาดกาแฟทรีอินวัน 42,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มกาแฟเพื่อการควบคุมน้ำหนัก 5% ของตลาด โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มกาแฟควบคุมน้ำหนักนี้ เติบโตกว่า 100% ทุกปี
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวต่อด้วยว่า ในส่วนของธุรกิจรีสอร์ต ที่เกาะพะงัน จากแผนที่จะเปิดให้บริการในปี 2552 นั้น หลังจากเกิดวิกฤษตทางเศรษฐกิจและการเมือง ทางบริษัทได้ชะลอโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา โดยจะขอรอดูสถานการณ์ออกไปอีกสักระยะ ถึงจะเริ่มดำเนินการต่อไป
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษา บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาจจะต่ำกว่าเป้าไปเล็กน้อย เนื่องจากสภาพการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดว่า สิ้นปีบริษัทอาจจะมีรายได้การเติบโตประมาณ 17-18% ไม่ถึงเป้าที่วางไว้ 25% ขณะที่ส่วนแบ่งสถาบันควบคุมน้ำหนักนั้น บอดี้เชพ (รวมคริสตี้ ฟรองซ์) มีส่วนแบ่งมากกว่า 50% โดยภาพรวมตลาดมีมูลค่าที่ 2,000-2,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 10-15%
แผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าดำเนินไปต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุปกรณ์และเครื่องมือ ปีหน้าจะลงทุนอีก 70 ล้านบาท ขณะที่การขยายสาขาศูนย์บอดี้เชพจะยังคงขยายผ่านทางศูนย์การค้า ซึ่งแต่ละสาขาลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จากปัจจุบันมีทั้งหมด 27 สาขา ส่วน คริสตี้ ฟองท์ ซึ่งขยายไปแบบการขายแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีกว่า 40 ล้านบาท ล่าสุด มีผู้สนใจ 2-3 ราย
นอกจากนี้ ในปีหน้า เน้นพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ในผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก อาทิ ครีมลดน้ำหนัก ที่กำลังเจรจากับทางบู๊ทส์ โดยจะเริ่มจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า หรือกาแฟลดน้ำหนัก "บอดี้เชพ คอฟฟี่" ที่ได้ทดลองทำตลาดมาตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา
นางสาววณิชา สืบวงศ์ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอดี้เชพ คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวต่อว่า การที่บริษัทหันมาเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักส์ กับการเปิดตัวกาแฟลดน้ำหนัก บอดี้เชพ คอฟฟี่ เพื่อเพิ่มความสะดวกและเป็นการขยายฐานลูกค้าระดับแมส ที่ไม่สะดวกจะเข้ามาใช้บริการ
บริษัทได้วางงบการตลาด 10% ของยอดขาย โดยเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2551 ทั้งในศูนย์บอดี้เชพ และโมเดิร์นเทรดอย่าง ท็อปส์ ซูเปอร์มาเก็ต และวัตสัน ซึ่งแต่ละเดือนสามารถจำหน่ายได้กว่า 5 หมื่นกล่อง หรือมีรายได้ 5-6 ล้านบาทต่อเดือน แต่หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ธ.ค.นี้ พร้อมทั้งนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น และโมเดิร์นเทรดอื่นๆ ในปีหน้า คาดว่า สิ้นปี 2552 นั้น บอดี้เชพ คอฟฟี่ จะสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท
ปัจจุบัน มูลค่ารวมตลาดกาแฟทรีอินวัน 42,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มกาแฟเพื่อการควบคุมน้ำหนัก 5% ของตลาด โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มกาแฟควบคุมน้ำหนักนี้ เติบโตกว่า 100% ทุกปี
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวต่อด้วยว่า ในส่วนของธุรกิจรีสอร์ต ที่เกาะพะงัน จากแผนที่จะเปิดให้บริการในปี 2552 นั้น หลังจากเกิดวิกฤษตทางเศรษฐกิจและการเมือง ทางบริษัทได้ชะลอโครงการดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา โดยจะขอรอดูสถานการณ์ออกไปอีกสักระยะ ถึงจะเริ่มดำเนินการต่อไป