บอร์ดอีลิท สั่งปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ อีกแล้ว เร่งทำแผนยุทธศาสตร์ 3-5 ปี เสนอให้ทัน 10 ธ.ค.นี้ ดีเดย์ประกาศใช้ปีหน้า “สรจักร”ย้ำ ผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ ต้องมีวิสัยทัศน์ขั้นอินเตอร์ และเป็นนักกลยุทธ์การตลาด
นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทีมผู้บริหารทีพีซี ไปเร่งจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานขององค์กร แบ่งเป็นระยะ 3 และ 5 ปี นับจากปี 2552 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน และ ปฎิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการบริหาร(บอร์ดเล็ก) พิจารณาวันที่ 8 ธ.ค.51 ก่อนนำเสนอที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ(บอร์ดใหญ่) ในวันที่ 10 ธ.ค.51 จากนั้นจึงนำเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในวันที่ 15 ธ.ค.51 เพื่อประกาศใช้ให้ทันในวันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมา การทำงานของ ทีพีซี ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่แท้จริง แต่การดำเนินงาน และการตั้งเป้ายอดขายนั้น กำหนดตามที่บริษัทต้องการได้ ทำให้ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับแผนใหม่ที่จะทำขึ้นนี้ ต้องนำข้อมูลด้านผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก มาคิดคำนวนด้วย พร้อมกับแบ่งแผนการทำงานออกเป็นรายตลาด เช่น ยุโรป และ เอเชีย ซึ่งพฤติกรรมลูกค้าจะแตกต่างกัน เช่น ขณะนี้ ค่าเงิน วอน ของ เกาหลี อ่อนตัว ทำให้ราคาบัตรอีลิท ปรับขึ้นถึง 30% เป็นต้น
สำหรับคุณสมบัติ ผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ นอกจากตรงตามข้อกำหนดตามระเบียบรัฐวิสาหกิจ แล้ว จะต้องเป็นบุคคลที่มีความเป็นอินเตอร์ คือเข้าใจเรื่องการค้า และ วัฒนาธรรมทางธุรกิจ ระหว่างประเทศ และต้องเป็นผู้ที่เป็นนักกลยุทธ์ทางการตลาด ส่วนกรอบนโยบายใหม่ของ ทีพีซี ที่ต้องการคือ บริษัทต้องอยู่รอดโดยพึ่งพาตัวเองได้ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า และ ต้องมีวิธีหารายได้เพิ่มจากการลงทุน ส่วนนโยบาย ด้าน คอมมูนิตี้ ออฟ เฟรน และเอ็กซ์คลูซีฟ คลับ ต้องชัดเจนรวมถึง การเป็นบัตรที่ดึงการลงทุนเข้าประเทศ ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบัน อีลิท มีสมาชิก รวม ถึงวันที่ 9 พ.ย.51 เป็นจำนวน 2,560 ราย ในที่นี้เป็นสมาชิกที่เข้าใหม่ปีนี้ 65 ราย ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าถึงสิ้นปี ทีพีซี จะไม่สามารถทำยอดขายบัตรสมาชิกได้ถึง 400 ราย ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งที่เป็นเป้าที่ปรับลดลงจากเมื่อต้นปีที่ตั้งไว้ 800 ใบ โดยคณะผู้บริหาร ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการปรับขึ้นราคาบัตร และ ปัญหาเศรษฐกิจ
นายสรจักร เกษมสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการ บัตรไทยแลนด์ อีลิท เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทีมผู้บริหารทีพีซี ไปเร่งจัดทำแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานขององค์กร แบ่งเป็นระยะ 3 และ 5 ปี นับจากปี 2552 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน และ ปฎิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม คณะกรรมการบริหาร(บอร์ดเล็ก) พิจารณาวันที่ 8 ธ.ค.51 ก่อนนำเสนอที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ(บอร์ดใหญ่) ในวันที่ 10 ธ.ค.51 จากนั้นจึงนำเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในวันที่ 15 ธ.ค.51 เพื่อประกาศใช้ให้ทันในวันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมา การทำงานของ ทีพีซี ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่แท้จริง แต่การดำเนินงาน และการตั้งเป้ายอดขายนั้น กำหนดตามที่บริษัทต้องการได้ ทำให้ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ประกอบกับแผนใหม่ที่จะทำขึ้นนี้ ต้องนำข้อมูลด้านผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก มาคิดคำนวนด้วย พร้อมกับแบ่งแผนการทำงานออกเป็นรายตลาด เช่น ยุโรป และ เอเชีย ซึ่งพฤติกรรมลูกค้าจะแตกต่างกัน เช่น ขณะนี้ ค่าเงิน วอน ของ เกาหลี อ่อนตัว ทำให้ราคาบัตรอีลิท ปรับขึ้นถึง 30% เป็นต้น
สำหรับคุณสมบัติ ผู้จัดการใหญ่ คนใหม่ นอกจากตรงตามข้อกำหนดตามระเบียบรัฐวิสาหกิจ แล้ว จะต้องเป็นบุคคลที่มีความเป็นอินเตอร์ คือเข้าใจเรื่องการค้า และ วัฒนาธรรมทางธุรกิจ ระหว่างประเทศ และต้องเป็นผู้ที่เป็นนักกลยุทธ์ทางการตลาด ส่วนกรอบนโยบายใหม่ของ ทีพีซี ที่ต้องการคือ บริษัทต้องอยู่รอดโดยพึ่งพาตัวเองได้ในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า และ ต้องมีวิธีหารายได้เพิ่มจากการลงทุน ส่วนนโยบาย ด้าน คอมมูนิตี้ ออฟ เฟรน และเอ็กซ์คลูซีฟ คลับ ต้องชัดเจนรวมถึง การเป็นบัตรที่ดึงการลงทุนเข้าประเทศ ด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบัน อีลิท มีสมาชิก รวม ถึงวันที่ 9 พ.ย.51 เป็นจำนวน 2,560 ราย ในที่นี้เป็นสมาชิกที่เข้าใหม่ปีนี้ 65 ราย ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่าถึงสิ้นปี ทีพีซี จะไม่สามารถทำยอดขายบัตรสมาชิกได้ถึง 400 ราย ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทั้งที่เป็นเป้าที่ปรับลดลงจากเมื่อต้นปีที่ตั้งไว้ 800 ใบ โดยคณะผู้บริหาร ให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องของการปรับขึ้นราคาบัตร และ ปัญหาเศรษฐกิจ