ขน.ชงของบประมาณปี 2552 จำนวน 484 ล้านบาท เร่งเครื่องโครงการสำคัญ โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือและการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ป้องกันน้ำท่วมกทม. ด้านขน.ชี้หากน้ำมันหลุด 22 บาทต่อลิตร เตรียมปรับลดค่าเรือ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมที่ของบประมาณกลางปี 2552 จำนวน 484 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการสำคัญของ ขน. โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือขนส่งสินค้า เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง และการขุดลอกร่องน้ำสายหลักๆ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและภาคกลางตอนล่าง โดยเฉพาะช่วงที่เกิดน้ำทะเลหนุนในระดับสูง
สำหรับแผนการดำเนินงานของขน. ประจำปีงบประมาณ 2552 นั้น ได้มีการเร่งรัดงานพัฒนาท่าเรือ 6 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 4 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งทั้งท่าเรือเชียงแสน 2 และท่าเรือปากบารา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ภายในต้นปี 2552 นี้ ส่วนการพัฒนาเขื่อน จำนวน 19 แห่ง ทั้งเขื่อนกั้นทรายและคลื่น 2 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง และในส่วนของเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 2 แห่ง และเขื่อนป้องกันตลิ่งพังทั้ง 15 แห่งนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) และการปรับปรุงราคาค่าก่อสร้าง
นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีขน. กล่าวว่า การของบประมาณกลางปีจำนวน 484 ล้านบาทนั้น ขน.เตรียมที่จะนำเงินงบประมาณดังกล่าวมาปรับปรุงในส่วนของท่าเรือโดยสารทั้งหมดตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง การซ่อมแซมโป๊ะ การปรับปรุงทัศนียภาพของโป๊ะ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงภายหลังจากได้รับเงินงบประมาณ
สำหรับการพิจารณาปรับลดอัตราค่าเรือโดยสาร นายชลอกล่าวว่า วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีข้อตกลงกับกลุ่มผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก และเรือโดยสารคลองแสนแสบ หากราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศได้ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าระดับ 22 บาทต่อลิตรแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับลดอัตราค่าโดยสารลงทันทีซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันยังไม่ถึงระดับดังกล่าวจึงต้องรอไปก่อน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายให้กับกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) ว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมที่ของบประมาณกลางปี 2552 จำนวน 484 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการสำคัญของ ขน. โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเรือขนส่งสินค้า เขื่อนป้องกันตลิ่งพัง และการขุดลอกร่องน้ำสายหลักๆ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและภาคกลางตอนล่าง โดยเฉพาะช่วงที่เกิดน้ำทะเลหนุนในระดับสูง
สำหรับแผนการดำเนินงานของขน. ประจำปีงบประมาณ 2552 นั้น ได้มีการเร่งรัดงานพัฒนาท่าเรือ 6 แห่ง ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 4 แห่ง ส่วนอีก 2 แห่งทั้งท่าเรือเชียงแสน 2 และท่าเรือปากบารา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุป ภายในต้นปี 2552 นี้ ส่วนการพัฒนาเขื่อน จำนวน 19 แห่ง ทั้งเขื่อนกั้นทรายและคลื่น 2 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบก่อสร้าง และในส่วนของเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 2 แห่ง และเขื่อนป้องกันตลิ่งพังทั้ง 15 แห่งนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) และการปรับปรุงราคาค่าก่อสร้าง
นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีขน. กล่าวว่า การของบประมาณกลางปีจำนวน 484 ล้านบาทนั้น ขน.เตรียมที่จะนำเงินงบประมาณดังกล่าวมาปรับปรุงในส่วนของท่าเรือโดยสารทั้งหมดตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้ง การซ่อมแซมโป๊ะ การปรับปรุงทัศนียภาพของโป๊ะ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีการพัฒนาปรับปรุงภายหลังจากได้รับเงินงบประมาณ
สำหรับการพิจารณาปรับลดอัตราค่าเรือโดยสาร นายชลอกล่าวว่า วันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีข้อตกลงกับกลุ่มผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยา เรือข้ามฟาก และเรือโดยสารคลองแสนแสบ หากราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศได้ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าระดับ 22 บาทต่อลิตรแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับลดอัตราค่าโดยสารลงทันทีซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันยังไม่ถึงระดับดังกล่าวจึงต้องรอไปก่อน
