“นีเวีย” ฟันธงตลาดสกินแคร์ยังไหลลื่น ความต้องการของตลาดมีกว่า 65% ยิ้มยอดขาย 10 เดือน โต 18%
ภญ.สุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มสกินแคร์ แบรนด์ นีเวีย และ ยูเซอรีน กล่าวในหัวข้อ “บิวตี้ ...เซลส์ !: ความงาม...ธุรกิจที่โตวันโตคืน จริงหรือ?” ในงานวันนักการตลาดแห่งประเทศไทย ฝ่าการตลาด ยุค อนิจจัง วานนี้ พบว่า ความต้องการของผู้บริโภคกว่า 65% จากประชากรโดยรวมในประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของความสวยความงาม บวกกับผลการสำรวจที่พบว่า สินค้ากลุ่มสกินแคร์ปี 2551 ยังโตอีก 8% ขณะที่ปีก่อนโต 7% จึงมั่นใจว่าสินค้ากลุ่มสกินแคร์ยังขายได้อยู่ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะทรงตัวก็ตาม
ขณะเดียวกัน มองว่า ในปีหน้าโอกาสการเติบโตของสินค้ากลุ่มสกินแคร์ยังไปได้อีก สังเกตจากสินค้ากลุ่มวิตามินเพื่อความงามกำลังเป็นเซกเม้นต์ตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งในช่วงนี้ แบรนด์ซุปไก่สกัด ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่หันมารุกเซกเมนต์นี้ไปบ้างแล้ว
ทั้งนี้ ในภาพรวมของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มียอดการเติบโตขึ้นประมาณ 18% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเป็นการเติบโตที่มาจากการพัฒนานวัตกรรมในตัวสินค้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวสินค้าสูตรใหม่ประมาณ 3-4 ตัว ขณะที่พบว่าสินค้าไซส์เล็กจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยยอดขายทั้งปีมองว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือจะมียอดการเติบโตทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 18% มาจากโมเดิร์นเทรด 60% เทรดดิชันนัลเทรด 40%
อย่างไรก็ตาม ในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว มองว่า การทำตลาดสำคัญ เพราะตลาดยังมีความต้องการ ขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดก็ยังสูงอยู่ ดังนั้น มองว่า 3 ข้อใหญ่ที่ควรนำไปเป็นคีย์ในการทำตลาดช่วงนี้ คือ 1. Establish a Competitive Positioning 2.Turn Threat to Opportunity และ 3.Build Passion for Success Culture
ภญ.สุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายพาณิชย์ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มสกินแคร์ แบรนด์ นีเวีย และ ยูเซอรีน กล่าวในหัวข้อ “บิวตี้ ...เซลส์ !: ความงาม...ธุรกิจที่โตวันโตคืน จริงหรือ?” ในงานวันนักการตลาดแห่งประเทศไทย ฝ่าการตลาด ยุค อนิจจัง วานนี้ พบว่า ความต้องการของผู้บริโภคกว่า 65% จากประชากรโดยรวมในประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของความสวยความงาม บวกกับผลการสำรวจที่พบว่า สินค้ากลุ่มสกินแคร์ปี 2551 ยังโตอีก 8% ขณะที่ปีก่อนโต 7% จึงมั่นใจว่าสินค้ากลุ่มสกินแคร์ยังขายได้อยู่ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะทรงตัวก็ตาม
ขณะเดียวกัน มองว่า ในปีหน้าโอกาสการเติบโตของสินค้ากลุ่มสกินแคร์ยังไปได้อีก สังเกตจากสินค้ากลุ่มวิตามินเพื่อความงามกำลังเป็นเซกเม้นต์ตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง ซึ่งในช่วงนี้ แบรนด์ซุปไก่สกัด ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่หันมารุกเซกเมนต์นี้ไปบ้างแล้ว
ทั้งนี้ ในภาพรวมของบริษัทในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา พบว่า มียอดการเติบโตขึ้นประมาณ 18% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเป็นการเติบโตที่มาจากการพัฒนานวัตกรรมในตัวสินค้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในปีนี้มีการเปิดตัวสินค้าสูตรใหม่ประมาณ 3-4 ตัว ขณะที่พบว่าสินค้าไซส์เล็กจะได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งสอดรับกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยยอดขายทั้งปีมองว่าจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หรือจะมียอดการเติบโตทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 18% มาจากโมเดิร์นเทรด 60% เทรดดิชันนัลเทรด 40%
อย่างไรก็ตาม ในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว มองว่า การทำตลาดสำคัญ เพราะตลาดยังมีความต้องการ ขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดก็ยังสูงอยู่ ดังนั้น มองว่า 3 ข้อใหญ่ที่ควรนำไปเป็นคีย์ในการทำตลาดช่วงนี้ คือ 1. Establish a Competitive Positioning 2.Turn Threat to Opportunity และ 3.Build Passion for Success Culture