“นมมะลิ” เร่งกู้ศรัทธาผู้บริโภค นำเข้าเครื่องตรวจเมลามีนจากสหรัฐฯ

ผู้บริหาร “นมตรามะลิ” ยอมรับ วิกฤตสารปนเปื้อนเมลามีน ทำยอดขายปีนี้พลาดเป้า 5-10% จากที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย เตรียมนำเข้าเครื่องตรวจสารเมลามีนจากสหรัฐฯ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืน

วันนี้ (10 พ.ย.) นายสุวิทย์ ผลวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมนมไทย จำกัด (นมตรามะลิ) กล่าวถึงผลกระทบจากวิกฤตสารปนเปื้อนเมลามีน ได้ทำให้รายได้รวมของบริษัทปีนี้ พลาดเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5-10% ของรายได้รวม เนื่องจากวิกฤตเมลามีน และสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ไม่เอื้ออำนวย

นอกจากนี้ สำนักงานอาหารและยา (อย.) ยังประกาศว่า สารปนเปื้อนเมลามีน ได้ลุกลามไปถึงผลิตภัณฑ์นมข้นหวานของบริษัทไปด้วย ซึ่งนมข้นหวานเป็นรายได้หลักของบริษัท โดยคิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 65% ของยอดขายรวม ส่วนผลิตภัณฑ์นมข้นจืดสร้างยอดขายให้บริษัทไม่ถึง 5% เท่านั้น

นอกจากนั้น การที่บริษัทได้นำเข้าเครื่องตรวจสารเมลามีน มูลค่า 7 ล้านบาท เพื่อต้องการหวังสร้างมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทแก่ผู้บริโภคอีกครั้ง

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายของนมตรามะลิปีนี้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ที่มาจากในประเทศ 80% และส่งออกไปยัง 40 ประเทศ อีก 20%

“ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ยอดขายรวมของบริษัทตกลงมา 20-30% จากการที่ อย.ตรวจพบสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์นมข้นจืด จึงคาดว่า ภายในสิ้นปีนี้ ยอดขายคงไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 5,000 ล้านบาท บริษัทจึงพยายามแก้ไขสถานการณ์ เพื่อกู้ความมั่นใจของผู้บริโภคกลับมาอีกครั้ง ด้วยการนำเข้าเครื่องตรวจสารปนเปื้อนเมลามีนจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบริษัทนมแห่งแรกในไทยที่นำเข้าเครื่องนี้ พร้อมกันนี้ ยังได้ทุ่มงบประมาณอีก 50 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาและประชาสัมพันธ์”

นอกจากนั้น ในเดือน ธ.ค.ปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่และในปีหน้าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหนึ่งชนิด โดยคาดว่า การทำตลาดเชิงรุกครั้งนี้ จะให้ยอดขายในปีหน้ากลับมาคงที่ได้ ปัจจุบันนมตรามะลิมีส่วนแบ่งการตลาด 8% ของมูลค่าตลาดรวมที่ 5 หมื่นล้านบาทขณะที่นมข้นหวานมีมูลค่าตลาด 6,000 ล้านบาท มะลิ มีสวนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 60% ได้แน่นอน