xs
xsm
sm
md
lg

RAIMON หวั่นการเมือง กระทบบ้านหรูในภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ ไรมอนแลนด์ “หวั่นปัญหาการเมืองที่รุนแรงกระทบท่องเที่ยวภูเก็ตวูบ ฉุดตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวตาม ระบุเห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวเข้าไทยน้อยลงแล้วในช่วงส.ค.-ก.ย. เผยผู้ประกอบการบางรายชะลอพัฒนาโครงการ พร้อมแนะหากมียอดขายช่วงพรีเซลไม่ถึง 35% ควรหยุดพัฒนา ขณะเดียวกันเชื่อว่าผลกระทบระยะสั้น เหตุท้องถิ่นเร่งพัฒนา-ลงทุนระบบสาธารณูปโภคหวังยกระดับเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

นายไนเจิล คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RAIMON เปิดเผยตัวเลขรายงานการวิจัยเชิงลึกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ชื่อ “ Why Invest …Phuket” ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มอัตราเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีนักท่องเที่ยวในปี 2550 เข้ามาท่องเที่ยว 2.85 ล้านคนและคาดว่าภายในปีนี้จะมีเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 ล้านคน

นอกจากนี้ องค์การบริการส่วนท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ต ยังให้การสนับสนุนแผนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอย่างเต็มที่ โดยมีแผนขยายท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากปีละ 6.5 ล้านคนเพิ่มเป็น 11.5 ล้านคนด้วยงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการในปีพ.ศ. 2553 อีกทั้งยังมีแผนขยายท่าจอดเรือจาก 455 ท่า เพิ่มเป็น 770 ท่าภายในปีพ.ศ. 2553 เช่นเดียวกัน รวมไปถึงโรงพยาบาลที่จะมีเพิ่มขึ้นอีก 76 เตียงในสิ้นปีนี้จากที่ปัจจุบันมีจำนวน 411 เตียง

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากปัญหาทางการด้านเมือง และวิกฤตการเงินโลก ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยน้อยลง หลังจากเห็นสัญญาณตั้งแต่เดือนกันยายนถึงสิงหาคมที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าจะกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น แต่หากปัญหาการเมืองของไทยมีความรุนแรงเกิดการปะทะกันจะส่งผลกระทบอย่างมากทั้งในด้านธุรกิจและการท่องเที่ยว

ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ ยังไม่สามารถชี้วัดได้ว่า ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด เนื่องจากต้องรอให้ผ่านช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)ไปก่อน จึงจะสามารถสรุปผลกระทบได้ อย่างไรก็ตาม ได้มีบางโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จชะลอการพัมนาโครงการออกไปบ้างแล้ว ซึ่งผู้ประกอบการจะสามารถประเมินได้จากการเปิดขายในช่วงพรีเซล หากโครงการใดมียอดขายได้ถึง 35% ก็อาจจะต้องชะลอหรือหยุดการพัฒนาโครงการ ในส่วนที่ลูกค้าซื้อไปแล้วต้องคืนเงิน

ในส่วนของแผนการลงทุนของบริษัท แม้ว่าภาวะตลาดจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกและการเมืองในประเทศ แต่เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบในช่วงสั้นเท่านั้น ดังนั้นจึงดำเนินงานตามแผนเดิม คือภายในปีนี้จะเปิดตัวโครงการอมาฟี่ พัฒนาเป็นวิลลาตากอากาศบริเวณหาดบางเทา จ.ภูเก็ตเนื้อที่ 40 ไร รวมมูลค่า 4,100 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้นที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะแยกสัญญาออกเป็น 2 ฉบับคือ ที่ดินและตัวบ้าน

นายคอร์นิค กล่าวต่อว่า บริษัทได้ทำการสำรวจและวิจัยตลาดคอนโดมิเนียมและวิลลาในจังหวัดภูเก็ตพบว่า อัตราการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในภูเก็ตเพิ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2547 อยู่ที่ 316 ยูนิต ในปี 2548 อยู่ที่ 545 ยูนิตและปี 2549 ที่ 690 ยูนิต แม้จะมีการชะลอตัวในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่อยู่บ้างในปี 2550 อยู่เพียง 101 ยูนิต แต่ความต้องการในตลาดก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมีห้องชุดถูกจำหน่ายไปถึง 214 ยูนิต และในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 มีห้องชุดในภูเก็ตเปิดตัวทั้งสิ้น 2,202 ยูนิตจาก 48 โครงการ และครึ่งหนึ่งถูกจำหน่ายออกไปเรียบร้อยแล้ว โดยห้องชุดจำนวน 168 ยูนิตที่ถูกจำหน่ายออกไปในช่วงครึ่งแรกของปี มีมูลค่า 2,700 ล้านบาท

สำหรับราคาขายของห้องชุดในภูเก็ตมีความหลากหลาย โดยในปี 2550 ราคาขายห้องชุดในภูเก็ตอยู่ระหว่าง 55,000 – 140,000 บาทต่อตารางเมตร และมีราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ 101,203 บาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของห้องชุด คือ ทัศนียภาพ , การเข้าถึงชายหาด, คุณภาพของวัสดุและเฟอร์นิเจอร์, และสถานที่ตั้ง โดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกของภูเก็ตจะมีราคาสูงที่สุด

ส่วนราคาขายเฉลี่ย อยู่ที่ 15.9 ล้านบาท (496,875 เหรียญสหรัฐ) ปัจจุบันภูเก็ตมีห้องชุดที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,450 ยูนิต ปัจจุบันภูเก็ตมีห้องชุดที่มีราคาสูงกว่า 150,000 เหรียญสหรัฐและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจำนวน 1,450 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันขายไปได้แล้ว 49% ทำให้มีห้องชุดที่ราคาสูงกว่า 150,000 เหรียญสหรัฐ เหลือขายอยู่ 745 ยูนิตจากจำนวน 26 โครงการ

ปัจจุบันภูเก็ตมีวิลลาที่มีราคาสูงกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐและอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจำนวน 363 หลัง โดยสามารถจำหน่ายไปได้แล้วกว่า 63 % โดยระดับราคาของวิลลาส่วนใหญ่อยู่ที่ 2 – 4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ราคาขายของวิลลาระดับท็อปเอนด์อาจพุ่งสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านอัตราการเช่าสำหรับห้องชุดขนาด 180 – 250 ตารางเมตรในภูเก็ต ซึ่งขึ้นอยู่กับฤดูกาล โดยช่วงฤดูท่องเที่ยวหนาแน่นหรือช่วงเทศกาล (ที่มีอยู่ประมาณ 32 วันต่อปี) จะมียอดการซื้อห้องชุดถึง 90% ส่วนในช่วงฤดูท่องเที่ยว (161 วัน) จะมียอดการซื้อห้องชุดที่ 70% และช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (172 วัน) ยอดการซื้อห้องชุดอยู่ที่ 40% สำหรับราคาให้เช่าขึ้นอยู่กับฤดูกาลเช่นกัน โดยในช่วงฤดูท่องเที่ยวหนาแน่นหรือช่วงเทศกาล ราคาให้เช่าจะอยู่ระหว่าง 250 – 495 เหรียญสหรัฐต่อคืน ช่วงฤดูท่องเที่ยวอยู่ที่ 175 – 385 เหรียญสหรัฐต่อคืน และช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวอยู่ที่ 135 – 200 เหรียญสหรัฐ โดยผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าอยู่ที่ประมาณ 6-10%
กำลังโหลดความคิดเห็น