เกษรลุยปรับใหญ่สินค้าบริการปีหน้า สอดรับโครงการใหม่ข้างเคียงที่ซุ่มพัฒนาอยู่ พร้อมเพิ่มโซนบิวตี้ เผยลูกค้ากลุ่มญี่ปุ่นหดหาย
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์แอสเซท แมนเนจเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปเจรจาและเซ็นสัญญากับพันธมิตรต่างๆ สำหรับโครงการใหม่ที่บริษัทจะพัฒนา บนที่ดินที่อยู่ข้างๆ ของเกษร อย่างไรก็ตาม ต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะเปิดแผยรายละเอียดโครงการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พื้นที่ข้างเคียงแปลงดังกล่าวนั้น เดิมเป็นพื้นที่นารายณ์ภัณฑ์ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่ทางบริษัทได้ไปเช่ามา ซึ่งคาดว่าจะมีสัญญานาน 20 ปี
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าจะเป็นปีที่เกษรจะมีการปรับเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งให้สินค้า และบริการมีความเป็นมิกซ์แอนด์แมทช์มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับโครงการใหม่ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเกษรเป็นศูนย์ที่มีโพซิชันนิง เป็น ลักชัวรีไลฟ์สไตล์ ที่ชัดเจนและโดดเด่นแล้ว
ล่าสุด ได้ปรับพื้นที่โดยเพิ่มในส่วนของร้านค้าบริการความงามและสปา จากเดิมที่ไม่เคยมีบริการด้านนี้มาก่อนเลย ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดจากนี้ไป เช่น ร้าน Thannative เปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว, นอกนั้นก็มีร้าน Panpuri, ร้านAster Spring, ร้าน Lisa Frances, ร้าน Salon La Praire เป็นต้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ประมาณ 9% จากพื้นที่บริการทั้งหมดที่แบ่งเป็น แฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ 35% (ยอดขายเติบโต 17%) แฟชั่นชาย 11% อาหารและเครื่องดื่ม 8% สินค้าบ้านและตกแต่ง 11% นาฬิกาและจิวเวลรี่ 8% (เป็นกลุ่มที่มียอดขายโตสูงสุดที่ 138%) ไทยดีไซน์เนอร์ 9% อื่นๆ 9% โดยมีปริมาณการใช้พื้นที่เต็ม 100% แล้ว
ผลประกอบการครึ่งปีแรกนี้ เติบโต 10.5% โดยมีปริมาณคนเดินเข้าศูนย์ 13,500 คนต่อวัน แยกเป็นคนไทยกับคนต่างชาติเท่ากันที่ 50% ขณะที่รายได้จากลูกค้าคนไทยมากกว่า 60% ส่วนต่างชาติ 40% ซึ่งลูกค้าต่างชาตินั้นที่เติบโตมาก คือ จีน อาหรับ รัสเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ขณะที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เคยเป็นกลุ่มหลักนั้นลดลงไปมาก คาดว่า ทั้งปีจะเติบโต 12-15% หากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงเกินไป และมีความชัดเจนมากขึ้น หรือราคาน้ำมันยังอยู่ที่ระดับไม่เกิน 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ที่บริษัทยังพอรับไหว
“เทรนด์ของสินค้าลักชัวรีไลฟ์สไตล์ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นอัตรา 2 หลัก ลูกค้ากลุ่มนี้มีการใช้จ่ายตลอดเวลา อยู่ที่เราจะสรรหาสินค้าและบริการมาตอบสนองกลุ่มลูกค้านี้ได้อย่างไร ซึ่งจากการวิจัยของเรา พบว่า ลูกค้าของเกษรมี 5 กลุ่มหลัก คือ Old Money, New Money, Middle Money, Millennium Money และ Excursionist (มีมากที่สุดกว่า 50% และใช้จ่ายเงินมากด้วย) ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังจะจัดอีเว้นต์ใหญ่ต่อเนื่องเช่น ชอปปิ้งปาร์ตี้เพียวรีวอร์ดช่วงปลายปี” นางสาธิมา กล่าว
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์แอสเซท แมนเนจเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไปเจรจาและเซ็นสัญญากับพันธมิตรต่างๆ สำหรับโครงการใหม่ที่บริษัทจะพัฒนา บนที่ดินที่อยู่ข้างๆ ของเกษร อย่างไรก็ตาม ต้องรออีกระยะหนึ่งถึงจะเปิดแผยรายละเอียดโครงการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พื้นที่ข้างเคียงแปลงดังกล่าวนั้น เดิมเป็นพื้นที่นารายณ์ภัณฑ์ของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่ทางบริษัทได้ไปเช่ามา ซึ่งคาดว่าจะมีสัญญานาน 20 ปี
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าจะเป็นปีที่เกษรจะมีการปรับเปลี่ยนใหญ่อีกครั้งให้สินค้า และบริการมีความเป็นมิกซ์แอนด์แมทช์มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับโครงการใหม่ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเกษรเป็นศูนย์ที่มีโพซิชันนิง เป็น ลักชัวรีไลฟ์สไตล์ ที่ชัดเจนและโดดเด่นแล้ว
ล่าสุด ได้ปรับพื้นที่โดยเพิ่มในส่วนของร้านค้าบริการความงามและสปา จากเดิมที่ไม่เคยมีบริการด้านนี้มาก่อนเลย ซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดจากนี้ไป เช่น ร้าน Thannative เปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว, นอกนั้นก็มีร้าน Panpuri, ร้านAster Spring, ร้าน Lisa Frances, ร้าน Salon La Praire เป็นต้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ประมาณ 9% จากพื้นที่บริการทั้งหมดที่แบ่งเป็น แฟชั่นอินเตอร์แบรนด์ 35% (ยอดขายเติบโต 17%) แฟชั่นชาย 11% อาหารและเครื่องดื่ม 8% สินค้าบ้านและตกแต่ง 11% นาฬิกาและจิวเวลรี่ 8% (เป็นกลุ่มที่มียอดขายโตสูงสุดที่ 138%) ไทยดีไซน์เนอร์ 9% อื่นๆ 9% โดยมีปริมาณการใช้พื้นที่เต็ม 100% แล้ว
ผลประกอบการครึ่งปีแรกนี้ เติบโต 10.5% โดยมีปริมาณคนเดินเข้าศูนย์ 13,500 คนต่อวัน แยกเป็นคนไทยกับคนต่างชาติเท่ากันที่ 50% ขณะที่รายได้จากลูกค้าคนไทยมากกว่า 60% ส่วนต่างชาติ 40% ซึ่งลูกค้าต่างชาตินั้นที่เติบโตมาก คือ จีน อาหรับ รัสเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ขณะที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เคยเป็นกลุ่มหลักนั้นลดลงไปมาก คาดว่า ทั้งปีจะเติบโต 12-15% หากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงเกินไป และมีความชัดเจนมากขึ้น หรือราคาน้ำมันยังอยู่ที่ระดับไม่เกิน 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ที่บริษัทยังพอรับไหว
“เทรนด์ของสินค้าลักชัวรีไลฟ์สไตล์ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เป็นอัตรา 2 หลัก ลูกค้ากลุ่มนี้มีการใช้จ่ายตลอดเวลา อยู่ที่เราจะสรรหาสินค้าและบริการมาตอบสนองกลุ่มลูกค้านี้ได้อย่างไร ซึ่งจากการวิจัยของเรา พบว่า ลูกค้าของเกษรมี 5 กลุ่มหลัก คือ Old Money, New Money, Middle Money, Millennium Money และ Excursionist (มีมากที่สุดกว่า 50% และใช้จ่ายเงินมากด้วย) ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังจะจัดอีเว้นต์ใหญ่ต่อเนื่องเช่น ชอปปิ้งปาร์ตี้เพียวรีวอร์ดช่วงปลายปี” นางสาธิมา กล่าว