ทรูมิวสิคเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ หลังแบกขาดทุนยับกว่า 30 ล้านบาท เหตุไม่ได้ต่อสัญญามา 7 เดือน ลั่นสัญญาใหม่เริ่มต้นสิงหาคมนี้ มั่นใจแผนตลาดเชิงรุกปีนี้อัดงบ 50 ล้านบาท ดันรายได้ทะลุ 60 ล้านบาท
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู มิวสิค เรดิโอ จำกัด ผู้บริหารวิทยุคลื่น 93.5 เอฟเอ็ม เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่ชดเจน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจวิทยุในภาพรวมอย่างมาก โดยคาดว่าทั้งปีนี้ตลาดสื่อวิทยุโดยรวมคงตกลงประมาณ 5-10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท
โดยในส่วนของบริษัทฯคือคลื่น 93.5 ที่รับสัมปทานมาจากกรมประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นปี 2550 และหมดสัญญาไปตั้งแต่ปลายปี 2550 ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2551 นี้ การต่อสัญญากับกรมประชาสัมพันธ์จึงเป็นไปเป็นแบบเดือนต่อเดือนระยะสั้น ทำให้บริษัทฯขาดทุนกว่า 30 ล้านบาทแล้ว เพราะความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐและสภาพเศรษฐกิจจึงทำให้ลูกค้าถอนโฆษณาออกไปจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามล่าสุดนี้บริษัทฯได้รับการต่อสัญญาใหม่เป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาอีก 1 ปี ด้วยค่าสัมปทานในอัตราเดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯต้องจ่ายค่าสัมปทานประมาณ 40 กว่าล้านบาท แต่คาดว่าการคืนทุนจากเดิมทีตั้งไว้ใน 3 ปีคงต้องลากยาวออกไปอีกแน่นอน โดยคาดหวังส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1% ก็เพียงพอแล้วจากคลื่นเดียวที่มีอยู่
สำหรับปีนี้จะเป็นปีที่ 2 และเป็นการรุกตลาดหนักขึ้นสำหรับคลื่น 93.5 เอฟเอ็ม หลังจากที่ช่วงปีแรกเป็นการสร้างฐานความพร้อมต่างๆทั้งบุคลากร อุปกรณ์ สตูดิโอ และการสร้างแบรนด์ โดยได้ลงทุนสร้างสตูดิโอ 2 ที่ เพื่อออกอากาศคือที่ สยามแสควร์และอาร์ซีเอ และใช้งบตลาด 10 ล้านบาท โดยมีรายได้ปีที่แล้ว 30 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ปีนี้จะใช้งบตลาดเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท และเดินหน้ากลยุทธ์ คอมมูนิเทนเม้นท์ เพื่อเป็นการต่อยอดกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ (Convergence) ของทรูฯซึ่งจะใช้สื่อในมือมาสร้างศักยภาพทั้ง ทีวี วิทยุ เว๊บไซต์ เป็นต้น เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ฟังอายุเฉลี่ย 18-25 ปี และคาดหวังว่าปีนี้จะทำรายได้เพิ่มเป็น 60 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่ซื้อโฆษณาเวลานี้ก็เช่น กลุ่มโอสถสภา ยูโรคัสตาร์ด แบงก์ไทยพาณิชย์ ฟิชโช แอร์เอเซีย เป็นต้น โดยมีค่าสปอตเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 -2,800 บาท
“เราเชื่อมั่นแผนการตลาดที่วางไว้ รวมทั้งมั่นใจว้าราสามารถตอบโจทย์เรื่องไลฟ์สไตล์ของคนฟังได้ถูกทาง และสามารถขยายฐษนกลุ่มคนฟังได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการวิจัยของเอซีนีลเส็นที่วัดเรติ้งนั้น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรตติ้งของคลื่นเราขยับเข้าใกล้ 1 ใน 5 อันดับสูงสุดแล้ว
ส่วนกิจกรรมใหญ่ปีนี้จะมีการจัดแคมเปญ BIG 5 ในประเทศ โดยปลายปีนี้ “Big 5 Music Biz” ที่เราจะร่วมกับกลุ่มพันธมิตรสปอนเซอร่างๆในการแจกธุกริจดนตรีในฝันใฝห้กับผู้ฟังถึง 5 แห่ง และกิจกรรม BIG 5 ในต่างประเทศ “ Big 5 Music Experience” ซึ่งจะให้ผู้ฟังที่โชคดีได้สัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทั้งในการชมคอนเสิร์ตเอ็กซ์คลูซีฟ การสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ ตื่นตาตื่นใจถึง 5 เส้นทางการเดินทางตลอดทั้งปี
นายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู มิวสิค เรดิโอ จำกัด ผู้บริหารวิทยุคลื่น 93.5 เอฟเอ็ม เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาพปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่ชดเจน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจวิทยุในภาพรวมอย่างมาก โดยคาดว่าทั้งปีนี้ตลาดสื่อวิทยุโดยรวมคงตกลงประมาณ 5-10% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,000 ล้านบาท
โดยในส่วนของบริษัทฯคือคลื่น 93.5 ที่รับสัมปทานมาจากกรมประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นปี 2550 และหมดสัญญาไปตั้งแต่ปลายปี 2550 ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2551 นี้ การต่อสัญญากับกรมประชาสัมพันธ์จึงเป็นไปเป็นแบบเดือนต่อเดือนระยะสั้น ทำให้บริษัทฯขาดทุนกว่า 30 ล้านบาทแล้ว เพราะความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐและสภาพเศรษฐกิจจึงทำให้ลูกค้าถอนโฆษณาออกไปจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามล่าสุดนี้บริษัทฯได้รับการต่อสัญญาใหม่เป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมาอีก 1 ปี ด้วยค่าสัมปทานในอัตราเดิม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯต้องจ่ายค่าสัมปทานประมาณ 40 กว่าล้านบาท แต่คาดว่าการคืนทุนจากเดิมทีตั้งไว้ใน 3 ปีคงต้องลากยาวออกไปอีกแน่นอน โดยคาดหวังส่วนแบ่งตลาดประมาณ 1% ก็เพียงพอแล้วจากคลื่นเดียวที่มีอยู่
สำหรับปีนี้จะเป็นปีที่ 2 และเป็นการรุกตลาดหนักขึ้นสำหรับคลื่น 93.5 เอฟเอ็ม หลังจากที่ช่วงปีแรกเป็นการสร้างฐานความพร้อมต่างๆทั้งบุคลากร อุปกรณ์ สตูดิโอ และการสร้างแบรนด์ โดยได้ลงทุนสร้างสตูดิโอ 2 ที่ เพื่อออกอากาศคือที่ สยามแสควร์และอาร์ซีเอ และใช้งบตลาด 10 ล้านบาท โดยมีรายได้ปีที่แล้ว 30 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ปีนี้จะใช้งบตลาดเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท และเดินหน้ากลยุทธ์ คอมมูนิเทนเม้นท์ เพื่อเป็นการต่อยอดกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ (Convergence) ของทรูฯซึ่งจะใช้สื่อในมือมาสร้างศักยภาพทั้ง ทีวี วิทยุ เว๊บไซต์ เป็นต้น เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ฟังอายุเฉลี่ย 18-25 ปี และคาดหวังว่าปีนี้จะทำรายได้เพิ่มเป็น 60 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่ซื้อโฆษณาเวลานี้ก็เช่น กลุ่มโอสถสภา ยูโรคัสตาร์ด แบงก์ไทยพาณิชย์ ฟิชโช แอร์เอเซีย เป็นต้น โดยมีค่าสปอตเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 -2,800 บาท
“เราเชื่อมั่นแผนการตลาดที่วางไว้ รวมทั้งมั่นใจว้าราสามารถตอบโจทย์เรื่องไลฟ์สไตล์ของคนฟังได้ถูกทาง และสามารถขยายฐษนกลุ่มคนฟังได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการวิจัยของเอซีนีลเส็นที่วัดเรติ้งนั้น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรตติ้งของคลื่นเราขยับเข้าใกล้ 1 ใน 5 อันดับสูงสุดแล้ว
ส่วนกิจกรรมใหญ่ปีนี้จะมีการจัดแคมเปญ BIG 5 ในประเทศ โดยปลายปีนี้ “Big 5 Music Biz” ที่เราจะร่วมกับกลุ่มพันธมิตรสปอนเซอร่างๆในการแจกธุกริจดนตรีในฝันใฝห้กับผู้ฟังถึง 5 แห่ง และกิจกรรม BIG 5 ในต่างประเทศ “ Big 5 Music Experience” ซึ่งจะให้ผู้ฟังที่โชคดีได้สัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ทั้งในการชมคอนเสิร์ตเอ็กซ์คลูซีฟ การสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ ตื่นตาตื่นใจถึง 5 เส้นทางการเดินทางตลอดทั้งปี