ททท.ยกทีมบุก ร.ฟ.ท.ฟื้นท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง ตามโครงการพลังงานหาร 2 แนะ การรถไฟเร่งปรับปรุงสถานที่และบริการ เน้น สะอาด สะดวก ปลอดภัย หวังสร้างเป็นจุดขายใหม่อัพเกรดผู้ใช้บริการขึ้นระดับกลาง-บน แนะ ร.ฟ.ท.เร่งรีโนเวตสถานีรถไฟตามแหล่งท่องเที่ยว และระบบการจองตั๋ว พร้อมตั้งคณะทำงานสานฝันต่อเนื่อง
วานนี้ (6 ส.ค.) ภายหลังการเข้าหารือกับผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เป็นการเข้ารับฟังนโยบายของผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง พร้อมหารือเพื่อขอความร่วมมือ ร.ฟ.ท.ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน ด้วยการนำเสนอการเดินทางโดยรถไฟให้แก่นักท่องเที่ยว ททท.แนะนำว่า ต้องการให้ ร.ฟ.ท.จัดโบกี้ที่ตกแต่งเป็นพิเศษ รองรับเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว มีการจัดฉายวิดีโอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางได้โดยรถไฟเป็นต้น ซึ่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ได้รับไว้พิจารณา
ในครั้งนี้ยังได้ตั้งคณะทำงาน โดยมี นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ เป็นประธาน ส่วนกรรมการจะประกอบด้วย ผู้อำนวยการภูมิภาคของ ททท.ทั้ง 4 ภูมิภาค ขณะที่ทางผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ไฟเขียวให้คณะทำงานของ ททท.ร่วมหารือกับฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายการเดินรถ ฝ่ายช่างกล ฝ่ายอาณัติสัญญา และ ตำรวจรถไฟ เพื่อร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ โดยคาดว่าจะมีการประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า
ทางด้าน นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการ ด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า จุดประสงค์ของการหารือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันทำงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมขยายฐานนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถไฟ ไปสู่ตลาดระดับกลางและบน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว ที่ผ่านมาจะเน้นเดินทางโดยรถยนต์ และ เครื่องบิน ขณะที่กลุ่มที่ใช้บริการรถไฟจะเป็นตลาดระดับล่าง
ทั้งนี้ ททท.ได้นำข้อเสนอของภาคเอกชนไปร่วมหารือด้วย โดยเอกชนเสนอให้ ร.ฟ.ท.มีการปรับปรุงสถานที่และบริการ โดยประเดิมปรับปรุงสถานีรถไฟที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการตกแต่งนำเสนอจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นการเพิ่มสีสันให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็น เช่น สถานีรถไฟหัวหิน สถานีรถไฟบางปะอิน และ สถานีรถไฟจิตรลดา เป็นต้น ทางด้านการบริการ ได้แก่ ระบบความปลอดภัย การดูและเรื่องความสะอาดภายในรถไฟ การ จองตั๋วโดยสารที่เอื้อต่อการจัดทัวร์ เพราะปัจจุบัน บริษัทนำเที่ยวต้องจองตั๋วล่วงหน้าและจ่ายเงินก่อนเดินทางจริงถึง 90 วัน จึงยากต่อการบริหารจัดการต้นทุน
สำหรับ ททท.จะเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการรถไฟ เป็นทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนงานในโครงการ พลังงานหาร 2 และยังเหมาะสมกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง โดย ททท.เตรียมจัดทำแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวโดยรถไฟในเส้นทางระยะใกล้ เช่น นครปฐม หัวหิน อยุธยา และ สระบุรี เป็นต้น เป็นโครงการนำร่อง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลวันแม่ ททท.ได้จัดกิจกรรม เส้นทางออมบุญ...สู่ล้านนา ในโครงการ 108 เส้นทางออมบุญ สุดยอดเส้นทางมงคลแห่งชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2551 ระหว่างวันที่ 8 - 12 ส.ค.51 เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ เพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมนั่งสามล้อ รถม้าท่องเที่ยวทำบุญเสริมสิริมงคลช่วงวันแม่แห่งชาติ
“ททท.จะประชาสัมพันธ์โน้มน้าวให้นักท่องเที่ยว เห็นว่า การเดินทางด้วยรถไฟมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทำให้รำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา ได้เห็นวิถีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางก็จะให้นักท่องเที่ยวต่อด้วยรถโดยสารประจำท้องถิ่น ซึ่งแต่ละแห่งก็แตกต่างกันออกไป” นายวันเสด็จ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีแนวโน้มสดใสขึ้น เป็นผลจาก คนไทยเริ่มปรับตัวได้กับสภาวะเศรษฐกิจ เช่น การหันไปใช้พลังงานทดแทน นำรถไปติดตั้งระบบเชื้อเพลิงแก๊ส NGV หรือ LPG, การดำเนิน 6 มาตรการของภาครัฐที่ลดราคาขายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ 6 เดือน และ ขณะนี้เองราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งหมดที่กล่าวมามีผลด้านจิตวิทยาช่วยให้คนไทยลดความเครียดแล้วหันกลับมาเดินทางท่องเที่ยว
วานนี้ (6 ส.ค.) ภายหลังการเข้าหารือกับผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เป็นการเข้ารับฟังนโยบายของผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง พร้อมหารือเพื่อขอความร่วมมือ ร.ฟ.ท.ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน ด้วยการนำเสนอการเดินทางโดยรถไฟให้แก่นักท่องเที่ยว ททท.แนะนำว่า ต้องการให้ ร.ฟ.ท.จัดโบกี้ที่ตกแต่งเป็นพิเศษ รองรับเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว มีการจัดฉายวิดีโอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางได้โดยรถไฟเป็นต้น ซึ่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ได้รับไว้พิจารณา
ในครั้งนี้ยังได้ตั้งคณะทำงาน โดยมี นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ เป็นประธาน ส่วนกรรมการจะประกอบด้วย ผู้อำนวยการภูมิภาคของ ททท.ทั้ง 4 ภูมิภาค ขณะที่ทางผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ไฟเขียวให้คณะทำงานของ ททท.ร่วมหารือกับฝ่ายงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายการเดินรถ ฝ่ายช่างกล ฝ่ายอาณัติสัญญา และ ตำรวจรถไฟ เพื่อร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ โดยคาดว่าจะมีการประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า
ทางด้าน นายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการ ด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า จุดประสงค์ของการหารือครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันทำงานเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมขยายฐานนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถไฟ ไปสู่ตลาดระดับกลางและบน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว ที่ผ่านมาจะเน้นเดินทางโดยรถยนต์ และ เครื่องบิน ขณะที่กลุ่มที่ใช้บริการรถไฟจะเป็นตลาดระดับล่าง
ทั้งนี้ ททท.ได้นำข้อเสนอของภาคเอกชนไปร่วมหารือด้วย โดยเอกชนเสนอให้ ร.ฟ.ท.มีการปรับปรุงสถานที่และบริการ โดยประเดิมปรับปรุงสถานีรถไฟที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการตกแต่งนำเสนอจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ เป็นการเพิ่มสีสันให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็น เช่น สถานีรถไฟหัวหิน สถานีรถไฟบางปะอิน และ สถานีรถไฟจิตรลดา เป็นต้น ทางด้านการบริการ ได้แก่ ระบบความปลอดภัย การดูและเรื่องความสะอาดภายในรถไฟ การ จองตั๋วโดยสารที่เอื้อต่อการจัดทัวร์ เพราะปัจจุบัน บริษัทนำเที่ยวต้องจองตั๋วล่วงหน้าและจ่ายเงินก่อนเดินทางจริงถึง 90 วัน จึงยากต่อการบริหารจัดการต้นทุน
สำหรับ ททท.จะเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการรถไฟ เป็นทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนงานในโครงการ พลังงานหาร 2 และยังเหมาะสมกับสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง โดย ททท.เตรียมจัดทำแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยวโดยรถไฟในเส้นทางระยะใกล้ เช่น นครปฐม หัวหิน อยุธยา และ สระบุรี เป็นต้น เป็นโครงการนำร่อง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลวันแม่ ททท.ได้จัดกิจกรรม เส้นทางออมบุญ...สู่ล้านนา ในโครงการ 108 เส้นทางออมบุญ สุดยอดเส้นทางมงคลแห่งชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2551 ระหว่างวันที่ 8 - 12 ส.ค.51 เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟ เพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมนั่งสามล้อ รถม้าท่องเที่ยวทำบุญเสริมสิริมงคลช่วงวันแม่แห่งชาติ
“ททท.จะประชาสัมพันธ์โน้มน้าวให้นักท่องเที่ยว เห็นว่า การเดินทางด้วยรถไฟมีเสน่ห์เฉพาะตัว ทำให้รำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา ได้เห็นวิถีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางก็จะให้นักท่องเที่ยวต่อด้วยรถโดยสารประจำท้องถิ่น ซึ่งแต่ละแห่งก็แตกต่างกันออกไป” นายวันเสด็จ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีแนวโน้มสดใสขึ้น เป็นผลจาก คนไทยเริ่มปรับตัวได้กับสภาวะเศรษฐกิจ เช่น การหันไปใช้พลังงานทดแทน นำรถไปติดตั้งระบบเชื้อเพลิงแก๊ส NGV หรือ LPG, การดำเนิน 6 มาตรการของภาครัฐที่ลดราคาขายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ 6 เดือน และ ขณะนี้เองราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งหมดที่กล่าวมามีผลด้านจิตวิทยาช่วยให้คนไทยลดความเครียดแล้วหันกลับมาเดินทางท่องเที่ยว