คาสิโอ เริ่มทวงตลาดจากสินค้าเครื่องคิดเลขหนีภาษีและเลียนแบบได้ หลังภาษีนำเข้าเหลือ 0% ชี้ ตลาดกลุ่มวิทยาศาสตร์เริ่มบูมโตมากสุด จัดกิจกรรมกระตุ้นตอกย้ำแบรนด์และยอดขาย
นายวรุตม์ สถิตธนาสาร ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และ นายพงศธร ถาวรวรรณ ผู้จัดการการตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องคิดเลขในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท แต่หากรวมทั้งสินค้าที่หนีภาษีและของเลียนแบบจะอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งในแง่ของปริมาณเติบโต 15% ขณะที่ในแง่ของมูลค่าจะเติบโตน้อยกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าเทคโนโลยีทำให้ราคาตกลงตลอดเฉลี่ย 5%
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตลาดที่มีแบรนด์มักจะถูกสินค้าเลียนแบบ และหนีภาษีแย่งตลาดไป แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากว่าราคาไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะภาษีนำเข้าจากเดิม 20% เป็น 0% เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาขายใกล้เคียงกัน อีกทั้งผู้ประกอบการโดยเฉพาะของเรานั้นทำตลาดตรงเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการรับประกัน 2 ปี และการทำตลาดต่อเนื่อง ทำให้สามารถที่จะเริ่มดึงส่วนแบ่งตลาดจากของเลียนแบบและหนีภาษีคืนมาได้มากขึ้น
โดยที่ตลาดเครื่องคำนวณแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Calculator) เติบโตมากที่สุด ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 35% จากรายได้รวม 2.กลุ่มทั่วไป ทั้งพกพาและตั้งโต๊ะ (Practical) บริษัทมีสัดส่วนรายได้ 40% และ 3.กลุ่มพร้อมเครื่องพิมพ์ (Printing) มีสัดส่วน 10% จากรายได้บริษัท
ปัจจุบันแบรนด์คาสิโอถือเป็นผู้นำตลาดเครื่องคำนวณในไทย มีส่วนแบ่งกว่า 35% จากมูลค่า 500 ล้านบาท โดยผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด 60% และผ่านดีลเลอร์ 40% แบ่งเป็นสัดส่วนจากกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30% รวมกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ โดยมีร้านบีทูเอสเป็นช่องทางหลัก ซึ่งไตรมาสแรกปี 2551 บริษัทเติบโต 12%
สาเหตุที่เติบโต เพราะการออกสินค้าใหม่ เฉลี่ย 20 รุ่นต่อปี ขณะนี้มีรวม 90 เอสเคยู ล่าสุดออกรุ่น FX350ES ราคา 510 บาท ส่วนกลุ่มเชิงวิทยาศาสตร์ ราคาสูงสุดอยู่ที่ 7,900 บาท ถูกสุดอยู่ที่ 350 บาท คือ การทำตลาดซึ่งล่าสุดใช้งบประมาณ 3 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 35% เปิดแคมเปญ Casio Smart Solve Contest ครั้งที่ 2 ร่วมกับสมาคมครอสเวิร์ดเกมส์ เอแม็ท คำคม และฃูโดกุแห่งประเทศไทย โดยค้นหาผู้แก้สมการด้วยเครื่องคิดเลขที่เร็วที่สุดวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้ ที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 คาดว่า จะช่วยเพิ่มขอดขาย 15% ส่วนการจัดครั้งแรกปีที่แล้วมีผู้เข้าร่วม 200 คน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 30%
นายวรุตม์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจตอนนี้ยังน่าเป็นห่วง ภาพรวมไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กำลังซื้อยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าชะลอการจับจ่าย ขณะที่ผู้ประกอบการต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี เพราะจะส่งผลต่อยอดขายและกำไรด้วย
นายวรุตม์ สถิตธนาสาร ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และ นายพงศธร ถาวรวรรณ ผู้จัดการการตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องคิดเลขในไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 500 ล้านบาท แต่หากรวมทั้งสินค้าที่หนีภาษีและของเลียนแบบจะอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งในแง่ของปริมาณเติบโต 15% ขณะที่ในแง่ของมูลค่าจะเติบโตน้อยกว่า เนื่องจากเป็นสินค้าเทคโนโลยีทำให้ราคาตกลงตลอดเฉลี่ย 5%
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตลาดที่มีแบรนด์มักจะถูกสินค้าเลียนแบบ และหนีภาษีแย่งตลาดไป แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์ดีขึ้น เนื่องจากว่าราคาไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะภาษีนำเข้าจากเดิม 20% เป็น 0% เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาขายใกล้เคียงกัน อีกทั้งผู้ประกอบการโดยเฉพาะของเรานั้นทำตลาดตรงเข้ากับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการรับประกัน 2 ปี และการทำตลาดต่อเนื่อง ทำให้สามารถที่จะเริ่มดึงส่วนแบ่งตลาดจากของเลียนแบบและหนีภาษีคืนมาได้มากขึ้น
โดยที่ตลาดเครื่องคำนวณแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific Calculator) เติบโตมากที่สุด ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 35% จากรายได้รวม 2.กลุ่มทั่วไป ทั้งพกพาและตั้งโต๊ะ (Practical) บริษัทมีสัดส่วนรายได้ 40% และ 3.กลุ่มพร้อมเครื่องพิมพ์ (Printing) มีสัดส่วน 10% จากรายได้บริษัท
ปัจจุบันแบรนด์คาสิโอถือเป็นผู้นำตลาดเครื่องคำนวณในไทย มีส่วนแบ่งกว่า 35% จากมูลค่า 500 ล้านบาท โดยผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด 60% และผ่านดีลเลอร์ 40% แบ่งเป็นสัดส่วนจากกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30% รวมกว่า 350 แห่งทั่วประเทศ โดยมีร้านบีทูเอสเป็นช่องทางหลัก ซึ่งไตรมาสแรกปี 2551 บริษัทเติบโต 12%
สาเหตุที่เติบโต เพราะการออกสินค้าใหม่ เฉลี่ย 20 รุ่นต่อปี ขณะนี้มีรวม 90 เอสเคยู ล่าสุดออกรุ่น FX350ES ราคา 510 บาท ส่วนกลุ่มเชิงวิทยาศาสตร์ ราคาสูงสุดอยู่ที่ 7,900 บาท ถูกสุดอยู่ที่ 350 บาท คือ การทำตลาดซึ่งล่าสุดใช้งบประมาณ 3 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 35% เปิดแคมเปญ Casio Smart Solve Contest ครั้งที่ 2 ร่วมกับสมาคมครอสเวิร์ดเกมส์ เอแม็ท คำคม และฃูโดกุแห่งประเทศไทย โดยค้นหาผู้แก้สมการด้วยเครื่องคิดเลขที่เร็วที่สุดวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้ ที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 คาดว่า จะช่วยเพิ่มขอดขาย 15% ส่วนการจัดครั้งแรกปีที่แล้วมีผู้เข้าร่วม 200 คน ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 30%
นายวรุตม์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจตอนนี้ยังน่าเป็นห่วง ภาพรวมไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่กำลังซื้อยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าชะลอการจับจ่าย ขณะที่ผู้ประกอบการต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี เพราะจะส่งผลต่อยอดขายและกำไรด้วย