ฟิลิปส์อัดฉีดงบการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีก 20% หวังดันเป้ารายได้กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านชิ้นเล็ก และคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ โตตามเป้าเป็นตัวเลข 2 หลัก มุ่งรักษาบัลลังก์ 4 ปีซ้อน ของเตารีด และเครื่องปั่นอีกสมัย จัดทัพโรดโชว์เพิ่มความถี่ในการจัดมากกว่าปีก่อนอีก 15% โดยเฉพาะต่างจังหวัด หวังเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใช้เตารีดไอน้ำมากยิ่งขึ้น พร้อมต้านพิษเศรษฐกิจซึม ผู้บริโภคคิดมากก่อนใช้เงิน
นายสมชัย ถาวรรุ่งโรจน์ ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในกลุ่มของผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ไลฟ์สไตล์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กภายในบ้านปีนี้ บริษัทได้วางงบประมาณทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีก 20% ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ายอดขายของฟิลิปส์ยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ หรือยังโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภค เริ่มชะลอตัว มีการพิจารณาในการใช้เงินแต่ละครั้งมากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า ปีนี้การเกิดใหม่ของครอบครัวขนาดเล็กมีสูง มีการแยกออกมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวมากยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงมองว่า ยังมีช่องว่างและโอกาสในการทำตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กได้อยู่ โดยเฉพาะเตารีด และเครื่องปั่นอเนกประสงค์ ที่ถือว่าเป็นสินค้าของฟิลิปส์ที่ครองความเป็นผู้นำในขณะนี้ ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีก็ตาม
ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการทำการตลาดแบบเอ็กซ์พรีเรียนท์ มาร์เก็ตติ้ง มีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ โดยเพิ่มความถี่ในการจัดมากกว่าปีก่อน 15% มุ่งเน้นกลุ่มต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากปกติใช้เตารีดแห้ง มาสู่เตารีดไอน้ำมากยิ่งขึ้น ส่วนกลุ่มที่ใช้เตารีดไอน้ำอยู่แล้ว ก็พยายามให้หันมาใช้เตารีดไอน้ำระบบแรงดันเป็นลำดับต่อไป
โดยในครึ่งปีนี้ บริษัทจะนำเตารีดรุ่นใหม่สู่ตลาดอีก 10 รุ่น รวมแล้วปีนี้จะมีเตารีดวางจำหน่ายทั้งหมดกว่า 25 รุ่น ราคาตั้งแต่ 529-25,900 บาท ส่วนเครื่องปั่นอเนกประสงค์ ปีนี้จะมีวางจำหน่ายเพิ่มอีก 5 รุ่น รวมแล้วมีจำหน่ายทั้งหมด 8 รุ่น ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,490-4,590 บาท
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของทางจีเอฟเค พบว่า ภาพรวมตลาดเตารีดปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตเพียง 4% จาก 1,210 ล้านบาท ในปีก่อน โดย ฟิลิปส์ มีส่วนแบ่งกว่า 53% เป็นผู้นำของตลาด สำหรับตลาดรวมเครื่องปั่นอเนกประสงค์ ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 5% จากมูลค่าตลาดรวมที่ 666 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งฟิลิปส์เป็นผู้นำในตลาดนี้ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 40% ส่งผลให้ฟิลิปส์สามารถครองตำแหน่งการสร้างยอดขายสูงสุดทั้งสองกลุ่มผลิตภัณฑ์เป็นเวลา 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2547-2550 โดยในปีนี้เชื่อว่าจะยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้เท่าปีที่ผ่านมา
