รมว.พลังงาน เปิดข้อมูลต้นทุนผลิตน้ำมันในประเทศ พบโรงกลั่นทั้ง 5 ราย ฟันส่วนต่างถึง 44 ดอลลาร์/บาเรล ต้นเหตุน้ำมันในประเทศแพงเกินความเป็นจริง แถมแต่ละเดือน ยังมีการโตเกือบ 1 เท่าตัว เพราะทำธุรกิจแบบผูกขาด เตรียมเจรจาลดค่าการกลั่นดีเซล พยุงราคาขายปลีกไม่ให้เกินลิตรละ 40 บ.
วันนี้ (23 พ.ค.) พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ตนเองได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประกอบด้วย บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRCP และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โดยขอร้องให้โรงกลั่นไปพิจารณาในเรื่องของค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล เพื่อที่จะช่วยลดภาระราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศให้กับประชาชน โดยให้นำกลับมาเสนอในวันจันทร์นี้
เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศมีราคาสูงมาก แต่ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันดีเซลในเดือน เม.ย.เฉลี่ยประมาณ 35 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล ส่วนต่างในเดือน พ.ค.เฉลี่ยประมาณ 36 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคา ณ ปัจจุบัน ประมาณ 44 ดอลลาร์หรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีส่วนต่างสูงมากเมื่อเทียบกับในช่วงปี 2549-2550 ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันดีเซล ประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันจะอยู่ในอัตราสูง แต่เมื่อดูค่าการกลั่นโดยเฉลี่ยของน้ำมันทุกประเภทแล้ว ค่าการกลั่นเฉลี่ย อยู่ที่ประมาณ 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลสูงกว่าค่าการกลั่นเฉลี่ย
ดังนั้น การพิจารณาการลดค่าการกลั่นจะต้องมีการแยกโครงสร้างราคาน้ำมันแต่ละประเภทออกจากกัน เพื่อให้มีค่าการกลั่นเป็นธรรมกับประชาชน
