ผู้ค้าทุกรายประกาศขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด ทั้งเบนซิน-ดีเซล อีก 50 สต./ลิตร โดยมีผลเช้าวันนี้
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับราคาน้ำมันขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซล อีก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 37.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 35.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 33.09 บาทต่อลิตร ส่วนราคาดีเซล อยู่ที่ 34.44 บาทต่อลิตร ขณะที่ ปตท.บางจาก ราคาดีเซลยังต่ำกว่าอยู่ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร ราคาอยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยอมรับว่าค่าการตลาดอยู่ระดับที่ต่ำมาก ดีเซลติดลบ อยู่ที่ 24 สตางค์ต่อลิตร เบนซิน อยู่ที่ 77 สตางค์ต่อลิตร คาดว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาปรับราคาน้ำมันขายปลีกขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลในวันที่ 8 พ.ค.นี้ เนื่องจากตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.ที่ผ่านมา เชลล์ต้องขาดทุนไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท หลังจากที่มีการปรับราคา 50 สตางค์แล้ว ก็ยังทำให้ดีเซลขาดทุนประมาณ 1.24 บาทต่อลิตร ราคาที่ควรจะเป็น 1.74 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซิน ขาดทุน 73 สตางค์ต่อลิตร ราคาที่ควรจะเป็น 1.50 บาทต่อลิตร
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ค่าการตลาดน้ำมันขณะนี้ ลดต่ำลงทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะดีเซล ติดลบกว่า 60 สตางค์ ส่วนเบนซินอยู่ที่ประมาณ 70-80 สตางค์เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าดีเซลควรจะปรับขึ้นอย่างน้อย 50 สตางค์ ซึ่งหากวันที่ 7 พ.ค.ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นประกาศขึ้น ทาง ปตท.ก็คงจะต้องปรับขึ้นตาม และจะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยสร้างสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง จากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับไปอยู่ที่ 150-200 เหรียญต่อบาร์เรล ใน 2 ปีข้างหน้า
วันนี้ (8 พ.ค.) ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับราคาน้ำมันขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซล อีก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ ราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 37.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 อยู่ที่ 35.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อยู่ที่ 33.09 บาทต่อลิตร ส่วนราคาดีเซล อยู่ที่ 34.44 บาทต่อลิตร ขณะที่ ปตท.บางจาก ราคาดีเซลยังต่ำกว่าอยู่ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร ราคาอยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยอมรับว่าค่าการตลาดอยู่ระดับที่ต่ำมาก ดีเซลติดลบ อยู่ที่ 24 สตางค์ต่อลิตร เบนซิน อยู่ที่ 77 สตางค์ต่อลิตร คาดว่า ในวันที่ 7 พ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาปรับราคาน้ำมันขายปลีกขึ้นอีก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลในวันที่ 8 พ.ค.นี้ เนื่องจากตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.ที่ผ่านมา เชลล์ต้องขาดทุนไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท หลังจากที่มีการปรับราคา 50 สตางค์แล้ว ก็ยังทำให้ดีเซลขาดทุนประมาณ 1.24 บาทต่อลิตร ราคาที่ควรจะเป็น 1.74 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซิน ขาดทุน 73 สตางค์ต่อลิตร ราคาที่ควรจะเป็น 1.50 บาทต่อลิตร
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับว่า ค่าการตลาดน้ำมันขณะนี้ ลดต่ำลงทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะดีเซล ติดลบกว่า 60 สตางค์ ส่วนเบนซินอยู่ที่ประมาณ 70-80 สตางค์เท่านั้น ซึ่งเท่ากับว่าดีเซลควรจะปรับขึ้นอย่างน้อย 50 สตางค์ ซึ่งหากวันที่ 7 พ.ค.ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นประกาศขึ้น ทาง ปตท.ก็คงจะต้องปรับขึ้นตาม และจะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกของไทยสร้างสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้ง จากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับไปอยู่ที่ 150-200 เหรียญต่อบาร์เรล ใน 2 ปีข้างหน้า
