บูธงานเทรดโชว์-โรดโชว์ ในต่างประเทศของ ททท.ฮอต เอกชนแห่จองล้น “พรศิริ” สั่งเร่งศึกษาเพิ่มพื้นที่ด่วน หวังจัดทัพสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทยไปเปิดตลาดให้มากที่สุด ระบุพร้อมหั่นงบกิจกรรม โยกเงินมาเช่าพื้นที่ ล่าสุด เล็งเดินสายโรดโชว์ในตลาดที่มีศักยภาพ แอฟริกา แคนาดา ญี่ปุ่น จีน และ อินเดีย
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับ นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ด้านตลาดต่างประเทศ เพื่อให้เร่งดำเนินการเพิ่มพื้นที่เช่าออกบูธงานเทรดโชว์ในต่างประเทศ เพราะปัจจุบันพบว่า ภาคเอกชนสนใจที่จะร่วมเดินทางไปออกบูธในงานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ กับ ททท.จำนวนมาก พื้นที่ที่ ททท.จองซื้อไว้จึงไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ซึ่งหากสามารถนำเอกชนไปออกบูธได้มากขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน เพราะจะได้นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้ ผู้ซื้อในต่างประเทศได้รู้จัก ซึ่ง ททท.จะออกเงินค่าบูธให้แก่เอกชน 50% ของราคาจริง
“ทุกครั้ง ที่ ททท.ไปออกงานเทรดโชว์ในต่างประเทศ บูธของประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากเอเยนต์ต่างประเทศมาก ผู้ประกอบการไทยที่ไปออกบูธมียอดขายที่ดี และยังได้ลูกค้าต่อเนื่อง หลังจบงานอีกด้วย จึงทำให้ทุกรายต้องการร่วมเดินทางไปกับ ททท.และการเพิ่มพื้นที่ จะช่วยเปิดโอกาสให้เอกชนรายเล็กได้มีโอกาสไปเปิดตลาด”
ดังนั้น จึงสั่งการให้ฝ่ายตลาดต่างประเทศ ไปเร่งหาดูว่า งานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่บัดนี้ไปถึงสิ้นปี ว่า มีงานใดที่พอจะเพิ่มพื้นที่ได้อีก เช่น งาน อารเบียน ทราเวลมาร์ท หรือ งาน ATM ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ททท.ได้เพิ่มพื้นที่จากของเดิมอีก 1 ใน 3 ของ งานลักซูรี่ ทราเวลมาร์ท ภาคเอกชนก็แจ้งความประสงค์ที่ต้องการร่วมเดินทางไปด้วยจำนวนมาก นอกจากนั้นยังให้ดูว่า มีงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศใด หรือเมืองใด ที่ ททท.ยังไม่เคยไปร่วมงานและเป็นงานที่น่าสนใจ ก็ให้ไปติดต่อขอร่วมงาน
นางพรศิริ กล่าวยอมรับว่า เมื่อนำภาคเอกชนชนร่วมเดินทางไปมากขึ้น มีการเช่าพื้นที่มากขึ้น แน่นอนว่า ททท.ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทั้งค่าเช่าพื้นที่ และ เงินสนับสนุนแก่เอกชน ขณะที่งบประมาณของ ททท.ก็มีจำนวนจำกัด ดังนั้น จึงต้องตัดลดงบการจัดกิจกรรมลงบ้าง งานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ททท.ก็ให้ผู้อื่นจัดแทน เช่น งานบางกอกฟิล์ม ส่วนเทศกาลงานประเพณีที่จำเป็น หรือกิจกรรมอื่นๆ ก็หาพันธมิตรเข้ามาช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย
ส่วนอีกหนึ่งวิธีแก้ไข คือ เพิ่มจำนวนงานโรดโชว์ เพราะใช้งบน้อยกว่า และสามารถเจาะตรงถึงตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ที่เน้นขายทัวร์ท่องเที่ยวประเทศไทย ได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งตรงนี้จะช่วยประหยัด และเพิ่มความถี่ในการออกโรดโชว์ได้อีกด้วย ซึ่งตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ และ ททท.จะเพิ่มงานโรดโชว์ เข้าไปเจาะลูกค้าถึงในพื้นที่ ได้แก่ แอฟริกา แคนาดา ญี่ปุ่น จีน และ อินเดีย ซึ่งแต่ละตลาดที่กล่าว ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 10-15% ในทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในอดีต ททท.จะออกงานเทรดโชว์ใหญ่ๆ ปีละ 3 ครั้ง และโรดโชว์อีกเล็กน้อย รวมทั้ง 2 แบบ จะประมาณ 18 ครั้งต่อปี แต่นับจากปีนี้ไป จะเพิ่มความถี่ในการเดินสายเทรดโชว์และโรดโชว์ให้มากขึ้น โดยต้องไม่น้อยกว่า 25 ครั้งต่อปี ซึ่งนอกจากเพิ่มการเช่าพื้นที่ในงานเก่าแล้ว ยังจะขยายการออกงานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ ไปในงานอื่น เน้น ตลาดระดับบน เช่น งาน มิลเลียนแนร์ แฟร์ ที่ มอสโก, งาน เบส สปา งานเฮลธ์ทัวริสซึม ที่ บาห์เรน งานโบ๊ทโชว์ ที่ประเทศเยอรมนี
“เราต้องนำผลของการออกงานเทรดโชว์และโรดโชว์ มาประเมินผลร่วมกัน จึงได้ข้อสรุปว่า ต้อเพิ่มพื้นที่ ขณะเดียวกัน ในบางงานจะลดไซส์จากเทรดโชว์ เป็นโรดโชว์ เพื่อสามารถจัดได้หลายครั้ง ลงพื้นที่ได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าประเทศนั้นๆ ด้วย
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับ นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ด้านตลาดต่างประเทศ เพื่อให้เร่งดำเนินการเพิ่มพื้นที่เช่าออกบูธงานเทรดโชว์ในต่างประเทศ เพราะปัจจุบันพบว่า ภาคเอกชนสนใจที่จะร่วมเดินทางไปออกบูธในงานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ กับ ททท.จำนวนมาก พื้นที่ที่ ททท.จองซื้อไว้จึงไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ซึ่งหากสามารถนำเอกชนไปออกบูธได้มากขึ้น ก็จะเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน เพราะจะได้นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้ ผู้ซื้อในต่างประเทศได้รู้จัก ซึ่ง ททท.จะออกเงินค่าบูธให้แก่เอกชน 50% ของราคาจริง
“ทุกครั้ง ที่ ททท.ไปออกงานเทรดโชว์ในต่างประเทศ บูธของประเทศไทยจะได้รับความสนใจจากเอเยนต์ต่างประเทศมาก ผู้ประกอบการไทยที่ไปออกบูธมียอดขายที่ดี และยังได้ลูกค้าต่อเนื่อง หลังจบงานอีกด้วย จึงทำให้ทุกรายต้องการร่วมเดินทางไปกับ ททท.และการเพิ่มพื้นที่ จะช่วยเปิดโอกาสให้เอกชนรายเล็กได้มีโอกาสไปเปิดตลาด”
ดังนั้น จึงสั่งการให้ฝ่ายตลาดต่างประเทศ ไปเร่งหาดูว่า งานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ ที่จะจัดขึ้นตั้งแต่บัดนี้ไปถึงสิ้นปี ว่า มีงานใดที่พอจะเพิ่มพื้นที่ได้อีก เช่น งาน อารเบียน ทราเวลมาร์ท หรือ งาน ATM ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ททท.ได้เพิ่มพื้นที่จากของเดิมอีก 1 ใน 3 ของ งานลักซูรี่ ทราเวลมาร์ท ภาคเอกชนก็แจ้งความประสงค์ที่ต้องการร่วมเดินทางไปด้วยจำนวนมาก นอกจากนั้นยังให้ดูว่า มีงานด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศใด หรือเมืองใด ที่ ททท.ยังไม่เคยไปร่วมงานและเป็นงานที่น่าสนใจ ก็ให้ไปติดต่อขอร่วมงาน
นางพรศิริ กล่าวยอมรับว่า เมื่อนำภาคเอกชนชนร่วมเดินทางไปมากขึ้น มีการเช่าพื้นที่มากขึ้น แน่นอนว่า ททท.ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทั้งค่าเช่าพื้นที่ และ เงินสนับสนุนแก่เอกชน ขณะที่งบประมาณของ ททท.ก็มีจำนวนจำกัด ดังนั้น จึงต้องตัดลดงบการจัดกิจกรรมลงบ้าง งานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ททท.ก็ให้ผู้อื่นจัดแทน เช่น งานบางกอกฟิล์ม ส่วนเทศกาลงานประเพณีที่จำเป็น หรือกิจกรรมอื่นๆ ก็หาพันธมิตรเข้ามาช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย
ส่วนอีกหนึ่งวิธีแก้ไข คือ เพิ่มจำนวนงานโรดโชว์ เพราะใช้งบน้อยกว่า และสามารถเจาะตรงถึงตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศ ที่เน้นขายทัวร์ท่องเที่ยวประเทศไทย ได้เข้ามาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งตรงนี้จะช่วยประหยัด และเพิ่มความถี่ในการออกโรดโชว์ได้อีกด้วย ซึ่งตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ และ ททท.จะเพิ่มงานโรดโชว์ เข้าไปเจาะลูกค้าถึงในพื้นที่ ได้แก่ แอฟริกา แคนาดา ญี่ปุ่น จีน และ อินเดีย ซึ่งแต่ละตลาดที่กล่าว ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 10-15% ในทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในอดีต ททท.จะออกงานเทรดโชว์ใหญ่ๆ ปีละ 3 ครั้ง และโรดโชว์อีกเล็กน้อย รวมทั้ง 2 แบบ จะประมาณ 18 ครั้งต่อปี แต่นับจากปีนี้ไป จะเพิ่มความถี่ในการเดินสายเทรดโชว์และโรดโชว์ให้มากขึ้น โดยต้องไม่น้อยกว่า 25 ครั้งต่อปี ซึ่งนอกจากเพิ่มการเช่าพื้นที่ในงานเก่าแล้ว ยังจะขยายการออกงานเทรดโชว์ และ โรดโชว์ ไปในงานอื่น เน้น ตลาดระดับบน เช่น งาน มิลเลียนแนร์ แฟร์ ที่ มอสโก, งาน เบส สปา งานเฮลธ์ทัวริสซึม ที่ บาห์เรน งานโบ๊ทโชว์ ที่ประเทศเยอรมนี
“เราต้องนำผลของการออกงานเทรดโชว์และโรดโชว์ มาประเมินผลร่วมกัน จึงได้ข้อสรุปว่า ต้อเพิ่มพื้นที่ ขณะเดียวกัน ในบางงานจะลดไซส์จากเทรดโชว์ เป็นโรดโชว์ เพื่อสามารถจัดได้หลายครั้ง ลงพื้นที่ได้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าประเทศนั้นๆ ด้วย
