ไฟว์สตาร์ เปิดกรุหนังเก่า 20 เรื่อง ผุดหน่วยงานรีมาสเตอร์ใหม่ หวังเป็นนิวบิซิเนสต่อยอดรายได้ให้อีก 100 ล้านบาท ในปีนี้ ภายใต้งบลงทุน 20 ล้านบาท เผยตลาดภาพยนตร์ต้นปีทรงตัว คาดรายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ปีนี้เท่าปีก่อนที่ 400 ล้านบาท
นางสาวอภิรดี เอี่ยมพึ่งพร กรรมการบริหาร บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทมีจำนวนภาพยนตร์ไทยยุคเก่าจำนวนกว่า 250 เรื่อง ซึ่งทางบริษัทมองว่าน่าจะมีการนำกลับมารีมาสเตอร์ใหม่ หรือที่เรียกว่า มีการตกแต่งภาพยนตร์ใหม่สู่รูปแบบดิจิตอล บนแผ่นวีซีดีและดีวีดี เพื่อให้ได้ภาพและเสียงที่คมชัด เพราะพบว่า ยังมีจำนวนผู้ชมที่ต้องการซื้อหาเพื่อสะสมเก็บไว้ จากการที่เข้ามาสอบถามทั้งทางโทรศัพท์และผ่านทางเว็บไซต์ของไฟว์สตาร์
ดังนั้น ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงได้มีการจัดตั้งนิวไลน์บิซิเนสขึ้นมาใหม่ เรียกว่า “Five Star Remastered” เพื่อรองรับธุรกิจดังกล่าว โดยการคัดเลือกภาพยนตร์ที่ผู้ชมเรียกร้องอยากชมมากที่สุด จำนวน 20 เรื่อง เพื่อนำมารีมาสเตอร์ใหม่ สู่รูปแบบ วีซีดี และ ดีวีดี คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะเรียบร้อยทั้ง 20 เรื่อง อาทิ เช่น บุญชู น้ำพุ วัยอลวน คนอีสาน และ ด้วยเกล้า ซึ่งการลงทุนนำภาพยนตร์กลับมารีมาสเตอร์ใหม่นี้ ถือเป็นการรทำงานที่ต้องใช้เวลา เพราะใช้ฝีมือคนทำ ไม่ได้ผ่านโปรแกรม ดังนั้น บริษัทจึงได้วางงบลงทุนไว้กว่า 20 ล้านบาทในส่วนดังกล่าว พร้อมกับใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์สู่ผู้ชมด้วย
“นิวบิซิเนสใหม่นี้ ถือเป็นการนำเอาหนังเก่าที่มีอยู่แล้ว มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทเข้ามาทำตลาดดีวีดีและวีซีดี แต่ก็มองว่าปีแรกน่าจะมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าความต้องการของกลุ่มที่ต้องการสะสมยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าเมื่อปล่อยสินค้าออกไปแล้ว จะพบกับปัญหาแผ่นผีก็ตาม”
สำหรับรายได้จากนิวบิซิเนสนี้ จะมีอยู่ 2 ช่องทาง คือ 1.จำหน่ายเพื่อสะสม โดยลูกค้าสามารถติดต่อเข้ามายังบริษัทได้ทันที ส่วนอนาคตหากมีผู้ที่สนใจต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ยินดีที่ร่วมธุรกิจด้วย 2.จำหน่ายเพื่อเช่า โดยในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทจะมีการจำหน่ายภาพยนตร์แก่ร้านเช่าภาพยนตร์อีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้รวมปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท (รวมนิวบิซิเนส) จากภาพยนตร์ที่คาดว่าจะเข้าฉายทั้งหมด 5-6 เรื่อง โดยขณะนี้ลงตัวแล้วที่ 3 เรื่อง คือ ลองของ2, บุญชู 9 และ อินทรีแดง 1 โดยรายได้ที่วางไว้นี้หากไม่รวมกับนิวบิซิเนสแล้ว ถือเป็นรายได้ที่ทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าปีนี้ตลาดภาพยนตร์ไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คาดว่าทั้งปีน่าหากยังสามารถรักษามูลค่าตลาดไว้ที่ 1,700-1,800 บาทได้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว
นางสาวอภิรดี เอี่ยมพึ่งพร กรรมการบริหาร บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทมีจำนวนภาพยนตร์ไทยยุคเก่าจำนวนกว่า 250 เรื่อง ซึ่งทางบริษัทมองว่าน่าจะมีการนำกลับมารีมาสเตอร์ใหม่ หรือที่เรียกว่า มีการตกแต่งภาพยนตร์ใหม่สู่รูปแบบดิจิตอล บนแผ่นวีซีดีและดีวีดี เพื่อให้ได้ภาพและเสียงที่คมชัด เพราะพบว่า ยังมีจำนวนผู้ชมที่ต้องการซื้อหาเพื่อสะสมเก็บไว้ จากการที่เข้ามาสอบถามทั้งทางโทรศัพท์และผ่านทางเว็บไซต์ของไฟว์สตาร์
ดังนั้น ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทจึงได้มีการจัดตั้งนิวไลน์บิซิเนสขึ้นมาใหม่ เรียกว่า “Five Star Remastered” เพื่อรองรับธุรกิจดังกล่าว โดยการคัดเลือกภาพยนตร์ที่ผู้ชมเรียกร้องอยากชมมากที่สุด จำนวน 20 เรื่อง เพื่อนำมารีมาสเตอร์ใหม่ สู่รูปแบบ วีซีดี และ ดีวีดี คาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะเรียบร้อยทั้ง 20 เรื่อง อาทิ เช่น บุญชู น้ำพุ วัยอลวน คนอีสาน และ ด้วยเกล้า ซึ่งการลงทุนนำภาพยนตร์กลับมารีมาสเตอร์ใหม่นี้ ถือเป็นการรทำงานที่ต้องใช้เวลา เพราะใช้ฝีมือคนทำ ไม่ได้ผ่านโปรแกรม ดังนั้น บริษัทจึงได้วางงบลงทุนไว้กว่า 20 ล้านบาทในส่วนดังกล่าว พร้อมกับใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์สู่ผู้ชมด้วย
“นิวบิซิเนสใหม่นี้ ถือเป็นการนำเอาหนังเก่าที่มีอยู่แล้ว มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทเข้ามาทำตลาดดีวีดีและวีซีดี แต่ก็มองว่าปีแรกน่าจะมีรายได้ถึง 100 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าความต้องการของกลุ่มที่ต้องการสะสมยังมีอยู่ ถึงแม้ว่าเมื่อปล่อยสินค้าออกไปแล้ว จะพบกับปัญหาแผ่นผีก็ตาม”
สำหรับรายได้จากนิวบิซิเนสนี้ จะมีอยู่ 2 ช่องทาง คือ 1.จำหน่ายเพื่อสะสม โดยลูกค้าสามารถติดต่อเข้ามายังบริษัทได้ทันที ส่วนอนาคตหากมีผู้ที่สนใจต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ยินดีที่ร่วมธุรกิจด้วย 2.จำหน่ายเพื่อเช่า โดยในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้ บริษัทจะมีการจำหน่ายภาพยนตร์แก่ร้านเช่าภาพยนตร์อีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้รวมปีนี้ บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 500 ล้านบาท (รวมนิวบิซิเนส) จากภาพยนตร์ที่คาดว่าจะเข้าฉายทั้งหมด 5-6 เรื่อง โดยขณะนี้ลงตัวแล้วที่ 3 เรื่อง คือ ลองของ2, บุญชู 9 และ อินทรีแดง 1 โดยรายได้ที่วางไว้นี้หากไม่รวมกับนิวบิซิเนสแล้ว ถือเป็นรายได้ที่ทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าปีนี้ตลาดภาพยนตร์ไทยช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร คาดว่าทั้งปีน่าหากยังสามารถรักษามูลค่าตลาดไว้ที่ 1,700-1,800 บาทได้ ก็ถือว่าดีมากแล้ว