บริษัททัวร์จากอินเดีย แนะ ททท.เร่งสร้างแบรนด์ประเทศไทย และ นำเสนอสินค้าระดับไฮเอน เจาะนักท่องเที่ยวแดนภารตะ ยาหอม ไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ถ้าโปรโมตดีๆเชื่อใน 3-5 ปี ติดอันดับ 1 ในเอเชีย ระบุปัญหาเที่ยวบินไม่เพียงพอ อาจเสียโอกาส ที่จะเบียดแซงสิงคโปร์ซึ่งเป็นแชมป์อยู่ในขณะนี้
นายสุนิล กัพต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ แผนกทัวร์ต่างประเทศประจำอินเดียและเอเชียใต้ บริษัทคัวนี ทราเวิล ตัวแทนจำหน่ายทัวร์ จากประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า คาดว่าภายใน 3-5 ปี จากนี้ไป ประเทศไทยจะเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของชาวอินเดีย จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 10 ทั้งนี้เพราะประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวอินเดียได้ทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม เพื่อมุ่งสู่ความเป็นที่หนึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะต้องเร่งทำการตลาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะสร้างการรับรู้แบรนด์ของประเทศไทย ว่าเป็นลักชัวร์ลี่เดสติเนชั่น เพื่อเจาะตลาดชาวอินเดียที่มีกำลังซื้อสูง โดยประชากรกลุ่มนี้ของอินเดียมีเพิ่มขึ้น หรือมีประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย และคนกลุ่มนี้จะใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ทุกปี
"ททท.ต้องสร้างสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อเจาะตลาดนี้ให้ชัดเจน และสอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เพราะ กลุ่มคนมีเงินชาวอินเดีย มีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติราว 35-40% และยังมีวันพักที่นานกว่า ตรงนี้จะตอบโจทย์เป้าหมายของ ททท.ได้ชัดเจน ว่าเป็นระดับไฮเอนและ พักนานวัน"
นายกัพต้า กล่าวว่า คนอินเดีย เดินทางมาประเทศไทย โดยผ่านบริษัทของตนเอง ราว 6-7 พันคนต่อปี โดยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เดินทางมาที่กรุงเทพฯเท่านั้น เพราะยังไม่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆของประเทศไทย มากนัก เช่น เชียงใหม่ กระบี่ เป็นต้น และส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป หาก ททท.เร่งสร้างการรับรู้ในตลาดไฮเอน เชื่อว่า เศรษฐีชาวอินเดีย ต้องเดินทางมาประเทศไทยอย่างแน่นอน
ด้านปัญหาที่ควรเร่งแก้ไข คือ เที่ยวบินที่มีไม่เพียงพอ และ ยังมีเส้นทางบินอยู่น้อย ควรเปิดเส้นทาง ในเมืองเศรษฐกิจ และ เมืองรอง ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ นักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ ชาวอินเดียนิยมเดินทางมาเที่ยวสิงคโปร์ เพราะ มีเที่ยวบินตรง ในหลายๆเมือง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การเปิดคาสิโน ของประเทศสิงคโปร์ในปี 2553 พร้อมกับการเพิ่มห้องพักอีกกว่า 5 พันห้อง จะเป็นสิ่งจูงใจให้ชาวอินเดีย เดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มขึ้น และหากประเทศไทย ไม่มีระบบจัดการเรรืองงเยวบินไม่เพียงพอก็จะไม่สารถชนะคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ได้แน่นอน
ทางด้านนางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท. กล่าวว่า สำหรับตลาดอินเดีย ปีนี้ ตั้งเป้าหมายเติบโต 20% ทั้งจำนวนและรายได้ โดยที่ผ่านมา ตลาดนี้ก็เติบโตต่อเนื่องทุกๆปี ล่าสุดปี 2550 มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เดินทางมาประเทศไทยประมาณ 5.3 แสนคน สินค้าทางการท่องเที่ยว ที่เจาะตลาดไฮเอน ได้แก่ กลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน ตลาดประชุมสัมมนา(ไมซ์) โดยปีนี้ ททท.ได้ให้เงิน 5 ล้านบาท สนับสนุนการเข้ามาจัดงาน อินเดียน อินเตอร์แนล ฟิล์ม อวอต์ ระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมไม่น้อยกว่า 7,000-8,000 คน
นายสุนิล กัพต้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ แผนกทัวร์ต่างประเทศประจำอินเดียและเอเชียใต้ บริษัทคัวนี ทราเวิล ตัวแทนจำหน่ายทัวร์ จากประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า คาดว่าภายใน 3-5 ปี จากนี้ไป ประเทศไทยจะเป็นเดสติเนชั่นท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ของชาวอินเดีย จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 10 ทั้งนี้เพราะประเทศไทย มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ตอบสนองพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวอินเดียได้ทุกรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม เพื่อมุ่งสู่ความเป็นที่หนึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะต้องเร่งทำการตลาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะสร้างการรับรู้แบรนด์ของประเทศไทย ว่าเป็นลักชัวร์ลี่เดสติเนชั่น เพื่อเจาะตลาดชาวอินเดียที่มีกำลังซื้อสูง โดยประชากรกลุ่มนี้ของอินเดียมีเพิ่มขึ้น หรือมีประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินเดีย และคนกลุ่มนี้จะใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ทุกปี
"ททท.ต้องสร้างสินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อเจาะตลาดนี้ให้ชัดเจน และสอดรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เพราะ กลุ่มคนมีเงินชาวอินเดีย มีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวปกติราว 35-40% และยังมีวันพักที่นานกว่า ตรงนี้จะตอบโจทย์เป้าหมายของ ททท.ได้ชัดเจน ว่าเป็นระดับไฮเอนและ พักนานวัน"
นายกัพต้า กล่าวว่า คนอินเดีย เดินทางมาประเทศไทย โดยผ่านบริษัทของตนเอง ราว 6-7 พันคนต่อปี โดยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เดินทางมาที่กรุงเทพฯเท่านั้น เพราะยังไม่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆของประเทศไทย มากนัก เช่น เชียงใหม่ กระบี่ เป็นต้น และส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป หาก ททท.เร่งสร้างการรับรู้ในตลาดไฮเอน เชื่อว่า เศรษฐีชาวอินเดีย ต้องเดินทางมาประเทศไทยอย่างแน่นอน
ด้านปัญหาที่ควรเร่งแก้ไข คือ เที่ยวบินที่มีไม่เพียงพอ และ ยังมีเส้นทางบินอยู่น้อย ควรเปิดเส้นทาง ในเมืองเศรษฐกิจ และ เมืองรอง ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ นักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ ชาวอินเดียนิยมเดินทางมาเที่ยวสิงคโปร์ เพราะ มีเที่ยวบินตรง ในหลายๆเมือง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การเปิดคาสิโน ของประเทศสิงคโปร์ในปี 2553 พร้อมกับการเพิ่มห้องพักอีกกว่า 5 พันห้อง จะเป็นสิ่งจูงใจให้ชาวอินเดีย เดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์เพิ่มขึ้น และหากประเทศไทย ไม่มีระบบจัดการเรรืองงเยวบินไม่เพียงพอก็จะไม่สารถชนะคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ได้แน่นอน
ทางด้านนางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ททท. กล่าวว่า สำหรับตลาดอินเดีย ปีนี้ ตั้งเป้าหมายเติบโต 20% ทั้งจำนวนและรายได้ โดยที่ผ่านมา ตลาดนี้ก็เติบโตต่อเนื่องทุกๆปี ล่าสุดปี 2550 มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย เดินทางมาประเทศไทยประมาณ 5.3 แสนคน สินค้าทางการท่องเที่ยว ที่เจาะตลาดไฮเอน ได้แก่ กลุ่มแต่งงาน ฮันนีมูน ตลาดประชุมสัมมนา(ไมซ์) โดยปีนี้ ททท.ได้ให้เงิน 5 ล้านบาท สนับสนุนการเข้ามาจัดงาน อินเดียน อินเตอร์แนล ฟิล์ม อวอต์ ระหว่างวันที่ 6-8 มิ.ย.นี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมไม่น้อยกว่า 7,000-8,000 คน
