หอการค้าฯ ชี้แก้ปัญหาเงินเฟ้อปะทุ รัฐบาลควรขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 3% ทำให้รายได้ของข้าราชการใกล้คียงเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ที่พุ่งถึง 5.4% จากราคาสินค้า ราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงนโยบายการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ โดยระบุว่ารัฐบาลควรเร่งแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ โดยการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะต้นทุนผลัก ทั้งราคาสินค้า และค่าครองชีพ ซึ่งมีปัจจัยหลักจากราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม ที่ขยับตัวสูงขึ้นมาก
ทั้งนี้ คงต้องรอดูรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้งว่ารัฐบาลจะปรับขึ้นในอัตราเท่าไหร่ และมีผลเมื่อไหร่ จะเป็นช่วงเดือน เม.ย. หรือเดือน ต.ค.2551 ซึ่งการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เป็นการเพิ่มรายได้เพื่อไปชดเชยรายจ่ายที่สูงขึ้น จากผลกระทบราคาน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้น และคงจะมีผลดีในการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจทันที เพราะประชาชนจะมีเงินในการจับจ่ายมากขึ้น และจะมีผลให้เงินเดือนเอกชน และรัฐวิสาหกิจปรับขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการในครั้งนี้ รัฐบาลก็ต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อที่กำลังเร่งตัวสูงขึ้น โดยเงินเฟ้อเดือน ก.พ.2551 ปรับขึ้นถึง 5.4% โดยเห็นว่ารัฐบาลอาจจะขึ้นเดือนให้ข้าราชการประมาณ 3% จะะทำให้รายได้ของข้าราชการอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเงินเฟ้อ
ดังนั้น การที่รัฐบาลจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการคงจะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ทำให้ข้าราชการมีรายได้มากขึ้น สอดคล้องกีบค่าครองชีพที่แพงขึ้นในขณะนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลควรที่จะมีมาตรการดูแลราคาสินค้า เพราะเมื่อเงินเดือนข้าราชการปรับขึ้น ผู้ผลิตสินค้าก็จะขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องดูแลให้เอกชนปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และอย่าให้มีการกักตุนสินค้า รวมทั้งมีมาตรการดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ประกาศขึ้นเงินเดือนข้าราชการแล้ว 3 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 41,500 ล้านบาท