พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุม ครม.(เงา) ครั้งที่ 3 สรุปสารพัดปัญหาเศรษฐกิจ ก่อนบุกจี้งาน รมต.ตัวจริง “เจ๊มิ่ง” แก้ปัญหาของแพงแบบสร้างภาพฉาบฉวย ส่วนปัญหามาตรการภาษี ควรให้ถึงมือประชาชนจริงๆ สำหรับนโยบายกระตุ้น ศก.โดยการเปิดบ่อน ควรดูว่า ผลเสียมีมากมายกว่าเม็ดเงินที่ได้เข้ารัฐ
วันนี้ (6 มี.ค.) นายศิริโชค โสภา โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวภายหลังการประชุมครั้งที่ 3 โดยระบุว่า ที่ประชุมได้หารือในประเด็นที่ นายเกียรติ สิทธิอมร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (เงา) จะนัดพบ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอมาตรการแก้ปัญหาสินค้าแพง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) เวลา 10.00 น.นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (เงา) จะลงพื้นที่พบปะพ่อค้า-แม่ค้า ประชาชนที่ตลาดยิ่งเจริญ และตลาดไท เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภค บริโภค ของประชาชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเป็นห่วงประเด็นปัญหาเรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในภาคอีสาน โดยมีสองประเด็นที่สำคัญที่จะต้องเตรียมการ คือ เรื่องการชดเชย และการจัดหาน้ำ ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติกันมาตามปกติ แต่คิดว่าถึงเวลาที่รัฐบาลต้องหันมาสนใจเรื่องการประกันภัยพืชผล
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้วิเคราะห์ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งทาง ครม.เงา เห็นด้วยกับมาตรการการลดภาษี อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีกลุ่มคนจำนวนมากมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ต้องเสียภาษี จึงต้องหามาตรการอื่นมาช่วยคนกลุ่มนี้ โดย ครม.เงา เสนอให้มีการใช้เงินของภาครัฐผ่านทางงบประมาณกลางปี (40,000 ล้านบาทขึ้นไป) เพื่อทำให้เงินถึงมือประชาชนโดยตรง และมีอำนาจซื้อขึ้นมาทันที เช่น ให้มีการเรียนฟรีให้ทันเดือน พ.ค.2551 (35,000 ล้านบาท) จัดงบประมาณเบี้ยเลี้ยงให้อาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐานทั่วประเทศกว่า 800,000 คน (5,700 ล้านบาท) และสนับสนุนโครงการ SML ด้วยงบประมาณเพิ่มเติม (19,000 ล้านบาท)
ครม.เงา ยังมีความเห็นว่า รัฐบาลยังไม่ต้องห่วงงบประมาณ เพราะยังสามารถขาดดุลได้เพิ่มจากเดิมอีก 200,000 ล้านบาท ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (7 มี.ค.) เวลา 09.00 น.นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง (เงา) พร้อมด้วย ดร.สรรเสริญ สมะลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (เงา) จะเดินทางไปยื่นข้อเสนอมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ที่กระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ ครม.เงา ยังไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเปิดบ่อน เพราะต้นทุนทางสังคมที่รัฐบาลต้องเข้าไปบำบัดนั้น หากดูตัวเลขในต่างประเทศอาจสูงกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับถึงประมาณ 6 เท่า เนื่องจากจะมีปัญหาของอาชญากรรม ยาเสพติด และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับครอบครัว ญาติพี่น้องของผู้ติดการพนัน จึงเป็นเพียงการโอนรายได้จากคนยากจนไปให้คนมีฐานะร่ำรวย ซึ่งมักจะเป็นเจ้าของธุรกิจเท่านั้น นอกจากนี้ยังผิดศีลธรรม เพราะรัฐบาลควรเป็นแบบอย่างในการสนับสนุนการนำหลักธรรมของศาสนามาใช้เพื่อสร้างคุณธรรม และพัฒนาคุณภาพชีวิต
