เซ็นทรัลเทรดดิ้งโชว์ตัวเลขยอดขายชุดว่ายน้ำเจนเซ่นปีที่แล้วเติบโตสูงสุด 25% ขณะที่ตลาดรวมโตเพียง 12% แผนปีนี้ปรับรูปแบบชุดว่ายน้ำเป็นสไตล์แฟชั่นมากขึ้น ดึง “ซินดี้-สิรินยา” มาออกแบบคอลเลคชั่นใหม่รับซัมเมอร์ มั่นใจปีนี้ยังโตได้อีก 30%
นายเฉกชาย ผดุงกาญจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และชุดว่ายน้ำ เจนเซ่น (Jantzen) จากอเมริกา บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมชุดว่ายน้ำในไทยปีที่แล้วมีมูลค่ามากถึง 2,000 ล้านบาท เติบโต 12% ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นอีก 10% เนื่องจากคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬาว่ายน้ำมากขึ้น อีกทั้งไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนด้วย
โดยปีนี้บริษัทฯวางแผนขยายจุดจำหน่ายประเภทเคาน์เตอร์เพิ่มที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะและเซ็นทรัลพัทยา ส่วนรูปแบบชอปนั้นยังไม่มีแผนเปิดปีนี้ ปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 49 จุด ( เป็นเคาน์เตอร์ 47 จุด, 1 ชอป, และ 1 เอาท์เลทที่พัยา) ซึ่งปีที่แล้วขยายจุดขายเพิ่มที่ โรบินสันจังค์ซีลอนและสปอร์ตเวิลด์ที่ภูเก็ต ซึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวนั้นรองรับตลาดนักท่องเที่ยว สัดส่วน 70% และคนไทย 30% ขณะที่สาขาในกทม. ลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30%
ส่วนแผนตลาดจะเน้นที่การออกคอลเลคชั่นใหม่ๆ การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยช่องทางจำหน่าย การเพิ่มไลน์สินค้า การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ชิงรุกมากขึ้น โดยในส่วนของคอลเลคชั่นนั้นได้เน้นการออกแบบสไตล์แฟชั่นมากขึ้นสัดส่วน 60% แนวเบสิค 40% จากเดิมปีที่แล้วที่เป็นแนวแฟชั่น 40% และแนวเบสิค 60% ล่าสุดได้ ดึง “ซินดี้-สิรินยา บิชอฟ” ซูเปอร์โมเดล มาเป็นดีไซน์เนอร์ให้กับแบรนด์เจนเซ่น ออกแบบทั้งหมด 4 คอลเลคชั่น มากกว่า 50 แบบ ระดับราคา 1,500-4,0000 บาท จะออกมาในช่วงซัมเมอร์นี้ ขณะที่บริษัทฯเปิดตัวรุ่นใหม่อีกประมาณ 60% ส่วนแบบของซินดี้ประมาณ 40%
สำหรับตลาดรวมชุดว่ายน้ำนั้น แยกเป็น กลุ่มแบรนด์ไลเซ่นส์ มีสัดส่วนตลาด 700 ล้านบาท, กลุ่มโลคอลแบรนด์ ประมาณ 20% ของตลาดรวมหรือ 200 ล้านบาท, กลุ่มอิมพอร์ตทั้งระดับโลว์เอนด์และไฮเอน ซึ่งเจนเซ่นอยู่ในกลุ่มแบรนด์ไลเซ่นส์และมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 20% โดยอันดับที่หนึ่งคือ ไทรอั้มพ์ และ สปีโด้
"ปีนี้จะมียอดรายได้รวมแบรนด์เจนเซ่นเติบโตประมาณ 30% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 70 – 80 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้แต่เดิมจะโต 15% เช่นเดียวกับปีที่แล้วที่เดิมคาดว่าจะเติบโต 12% แต่โตจริง 25% มากที่สุดที่เซ็นทรัลเคยทำมาในรอบ 25 ปี โดยกลุ่มสินค้าของเจนเซ่นแบ่งเป็น กลุ่มผู้หญิงมีสัดส่วนรายได้ 80% (กลุ่มบิกินี่ สัดส่วน 40% กลุ่มทูพีซ 20% กลุ่มวันพีซ สัดส่วน 25% กลุ่มเซเพอรเต 5% ที่เหลืออุปกรณ์ต่างๆ) ส่วนกลุ่มผู้ชายนั้นมีสัดส่วนรายได้ 20% (แบ่งเป็น บิกินี 40% บ๊อกเซอร์ 45% บีชแวร์ 15%)
นายเฉกชาย ผดุงกาญจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และชุดว่ายน้ำ เจนเซ่น (Jantzen) จากอเมริกา บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมชุดว่ายน้ำในไทยปีที่แล้วมีมูลค่ามากถึง 2,000 ล้านบาท เติบโต 12% ซึ่งคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นอีก 10% เนื่องจากคนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬาว่ายน้ำมากขึ้น อีกทั้งไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนด้วย
โดยปีนี้บริษัทฯวางแผนขยายจุดจำหน่ายประเภทเคาน์เตอร์เพิ่มที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะและเซ็นทรัลพัทยา ส่วนรูปแบบชอปนั้นยังไม่มีแผนเปิดปีนี้ ปัจจุบันมีจุดจำหน่าย 49 จุด ( เป็นเคาน์เตอร์ 47 จุด, 1 ชอป, และ 1 เอาท์เลทที่พัยา) ซึ่งปีที่แล้วขยายจุดขายเพิ่มที่ โรบินสันจังค์ซีลอนและสปอร์ตเวิลด์ที่ภูเก็ต ซึ่งในจังหวัดท่องเที่ยวนั้นรองรับตลาดนักท่องเที่ยว สัดส่วน 70% และคนไทย 30% ขณะที่สาขาในกทม. ลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30%
ส่วนแผนตลาดจะเน้นที่การออกคอลเลคชั่นใหม่ๆ การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าด้วยช่องทางจำหน่าย การเพิ่มไลน์สินค้า การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ชิงรุกมากขึ้น โดยในส่วนของคอลเลคชั่นนั้นได้เน้นการออกแบบสไตล์แฟชั่นมากขึ้นสัดส่วน 60% แนวเบสิค 40% จากเดิมปีที่แล้วที่เป็นแนวแฟชั่น 40% และแนวเบสิค 60% ล่าสุดได้ ดึง “ซินดี้-สิรินยา บิชอฟ” ซูเปอร์โมเดล มาเป็นดีไซน์เนอร์ให้กับแบรนด์เจนเซ่น ออกแบบทั้งหมด 4 คอลเลคชั่น มากกว่า 50 แบบ ระดับราคา 1,500-4,0000 บาท จะออกมาในช่วงซัมเมอร์นี้ ขณะที่บริษัทฯเปิดตัวรุ่นใหม่อีกประมาณ 60% ส่วนแบบของซินดี้ประมาณ 40%
สำหรับตลาดรวมชุดว่ายน้ำนั้น แยกเป็น กลุ่มแบรนด์ไลเซ่นส์ มีสัดส่วนตลาด 700 ล้านบาท, กลุ่มโลคอลแบรนด์ ประมาณ 20% ของตลาดรวมหรือ 200 ล้านบาท, กลุ่มอิมพอร์ตทั้งระดับโลว์เอนด์และไฮเอน ซึ่งเจนเซ่นอยู่ในกลุ่มแบรนด์ไลเซ่นส์และมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 20% โดยอันดับที่หนึ่งคือ ไทรอั้มพ์ และ สปีโด้
"ปีนี้จะมียอดรายได้รวมแบรนด์เจนเซ่นเติบโตประมาณ 30% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 70 – 80 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้แต่เดิมจะโต 15% เช่นเดียวกับปีที่แล้วที่เดิมคาดว่าจะเติบโต 12% แต่โตจริง 25% มากที่สุดที่เซ็นทรัลเคยทำมาในรอบ 25 ปี โดยกลุ่มสินค้าของเจนเซ่นแบ่งเป็น กลุ่มผู้หญิงมีสัดส่วนรายได้ 80% (กลุ่มบิกินี่ สัดส่วน 40% กลุ่มทูพีซ 20% กลุ่มวันพีซ สัดส่วน 25% กลุ่มเซเพอรเต 5% ที่เหลืออุปกรณ์ต่างๆ) ส่วนกลุ่มผู้ชายนั้นมีสัดส่วนรายได้ 20% (แบ่งเป็น บิกินี 40% บ๊อกเซอร์ 45% บีชแวร์ 15%)