นักวิชาการ เชื่อ รัฐบาลกระตุ้นการใช้จ่าย-การบริโภคได้แค่ในระยะสั้น ยอมรับยุครัฐบาลขิงแก่ สัดส่วนการบริโภคของจีดีพี 50% หดตัวตามเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่วนระยะยาว แนะจับตารายได้ประชาชาติ
วันนี้ (9 ก.พ.) ผศ.ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจของไทยหลังจากได้รัฐบาลใหม่ โดยระบุว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวลงไปมาก จากปัญหาการเมืองภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมีสัดส่วนเกิน 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ดังนั้น การขยายตัวของเศรษฐกิจควรจะสัมพันธ์กับการขยายตัวของการบริโภคของประชาชน แต่ที่ผ่านมาเมื่อเศรษฐกิจหดตัว การบริโภคของประชาชนก็ลดลงไปด้วย
ผศ.ดร.เสาวนีย์ ชี้ว่า สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่กังวล คือ ค่าครองชีพ เนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้รัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายประชานิยมอาจทำให้ประชาชนมีความเป็นห่วง แต่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย หรือ การบริโภคกลับมาได้มากในระยะสั้น จากคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องดูแลรายได้ประชาชาติขยายตัวให้มากขึ้น
สำหรับเรื่องการลงทุนก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาภาคการลงทุนเกิดการชะลอตัว เพื่อรอดูสถานการณ์การเมือง ซึ่งเชื่อว่าไตรมาสที่ 2 จะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของภาคการลงทุน หลังจากที่การบริโภคของประชาชนเพิ่มขึ้น