แฟชั่นไอส์แลนด์ เผยผลประกอบการปี 2550 เติบโตกว่า 9% มูลค่า 960 ล้านบาท เตรียมทุ่มงบ 400 ล้านบาท รีโนเวตโฉมใหม่ทั้งศูนย์ เล็งขยายพื้นที่สร้างไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ วางรากฐานก่อนขึ้นแท่น ผู้นำซูเปอร์รีเจียนัลมอลล์ ของเมืองไทย
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์มีผลการดำเนินงานตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมมูลค่า 960 ล้านบาท เติบโตจากปี 2549 ถึง 9.5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คือ 9%
โดยการเติบโตที่เกิดขึ้นยังมาจากการดำเนินงานที่มุ่งเน้นจัดกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อีเวนต์ มาร์เกตติ้ง 80% จัดโปรโมชัน 20% และการใช้กลยุทธ์สร้างสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ ซีอาร์เอ็ม ด้วยการจัดทำบัตร The Island Card เมมเบอร์ VIP โดยคาดว่ายอดสมาชิกบัตรจะมีจำนวนที่ 3,000 เมมเบอร์ ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ทางศูนย์จะมีการรีโนเวตโฉมใหม่ของแฟชั่นไอส์แลนด์จะใช้คอนเซปต์โมเดิร์น แฟมิลี่ ไอส์แลนด์ เน้นความทันสมัยมากขึ้น นำความเป็นธรรมชาติเข้ามาเสริม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งคาดว่า หากมีการีโนเวตแล้วเสร็จ จะทำให้จำนวนคนที่มาเดินในศูนย์จะเพิ่มขึ้นอีก 5% ซึ่งการรีโนเวตครั้งนี้จะเริ่มในเดือนมีนาคมของปีนี้ คาดว่า คงใช้เวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน จะแล้วเสร็จ ภายใต้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท มั่นใจว่า หลังการรีโนเวตเสร็จเรียบร้อย จะขึ้นแท่นผู้นำซูเปอร์รีเจียนัลมอลล์ ของเมืองไทยได้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายศูนย์การค้าให้สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยระยะแรกจะทำการสร้างศูนย์ ไฮบริด มอลล์ (Hybrid Mall) บนพื้นที่ 14 ไร่ ในลักษณะไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ เชื่อมต่อกับแฟชั่น ไอส์แลนด์ มีศูนย์ 2 ลักษณะ คือ มีไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และ วันสตอปชอปปิ้ง เซ็นเตอร์ อยู่เชื่อมกัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณกลางปีหน้า ส่วนทางด้านแผนระยะยาวเนื่องจากศูนย์ได้มีการซื้อพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิม 87 ไร่ เป็น 121 ไร่ ทำให้มีศักยภาพในการเพิ่มพื้นที่รีเทลได้ถึง 100,000 ตร.ม
“ปัจจุบันมีศูนย์การค้าที่มีมาตรฐานที่ดีเกิดขึ้นมากทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งแต่ละศูนย์ต่างพยายามปรับปรุงพัฒนาเรื่องของสถาปัตยกรรม ร้านค้า รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาด ขณะที่ในส่วนของแฟชั่นไอส์แลนด์ได้มีการวางแผนที่จะดำเนินงานเพื่อรองรับการแข่งขันในปีนี้เช่นเดียวกัน ภายใต้งบประมาณทางการตลาดกว่า 30 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ในปี 2551 นี้ จากเดิมในปีก่อนที่ใช้ไป 20 ล้านบาท มั่นใจว่า ในปีนี้ ศูนย์ฯจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 7% จาก 960 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา”
นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่ของจำนวนรถยนต์ วันธรรมดามีรถเข้ามาใช้บริการ 14,000 คัน ส่วนวันหยุด จะสูงถึง 18,000-21,000 คัน เติบโตจากปีก่อนถึง 7% ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าศูนย์ได้ ดังนั้น ทางศูนย์จึงได้ทำทางเชื่อมลานจอดรถเพื่อแก้ปัญหารถติดหน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ อีกส่วนหนึ่งด้วย ภายใต้งบประมาณถึง 90 ล้านบาท
นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์มีผลการดำเนินงานตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมมูลค่า 960 ล้านบาท เติบโตจากปี 2549 ถึง 9.5% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คือ 9%
โดยการเติบโตที่เกิดขึ้นยังมาจากการดำเนินงานที่มุ่งเน้นจัดกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อีเวนต์ มาร์เกตติ้ง 80% จัดโปรโมชัน 20% และการใช้กลยุทธ์สร้างสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ ซีอาร์เอ็ม ด้วยการจัดทำบัตร The Island Card เมมเบอร์ VIP โดยคาดว่ายอดสมาชิกบัตรจะมีจำนวนที่ 3,000 เมมเบอร์ ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ทางศูนย์จะมีการรีโนเวตโฉมใหม่ของแฟชั่นไอส์แลนด์จะใช้คอนเซปต์โมเดิร์น แฟมิลี่ ไอส์แลนด์ เน้นความทันสมัยมากขึ้น นำความเป็นธรรมชาติเข้ามาเสริม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งคาดว่า หากมีการีโนเวตแล้วเสร็จ จะทำให้จำนวนคนที่มาเดินในศูนย์จะเพิ่มขึ้นอีก 5% ซึ่งการรีโนเวตครั้งนี้จะเริ่มในเดือนมีนาคมของปีนี้ คาดว่า คงใช้เวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน จะแล้วเสร็จ ภายใต้งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท มั่นใจว่า หลังการรีโนเวตเสร็จเรียบร้อย จะขึ้นแท่นผู้นำซูเปอร์รีเจียนัลมอลล์ ของเมืองไทยได้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายศูนย์การค้าให้สามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยระยะแรกจะทำการสร้างศูนย์ ไฮบริด มอลล์ (Hybrid Mall) บนพื้นที่ 14 ไร่ ในลักษณะไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ เชื่อมต่อกับแฟชั่น ไอส์แลนด์ มีศูนย์ 2 ลักษณะ คือ มีไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ และ วันสตอปชอปปิ้ง เซ็นเตอร์ อยู่เชื่อมกัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณกลางปีหน้า ส่วนทางด้านแผนระยะยาวเนื่องจากศูนย์ได้มีการซื้อพื้นที่เพิ่มเติมจากเดิม 87 ไร่ เป็น 121 ไร่ ทำให้มีศักยภาพในการเพิ่มพื้นที่รีเทลได้ถึง 100,000 ตร.ม
“ปัจจุบันมีศูนย์การค้าที่มีมาตรฐานที่ดีเกิดขึ้นมากทั้งในเมืองและนอกเมือง ซึ่งแต่ละศูนย์ต่างพยายามปรับปรุงพัฒนาเรื่องของสถาปัตยกรรม ร้านค้า รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาด ขณะที่ในส่วนของแฟชั่นไอส์แลนด์ได้มีการวางแผนที่จะดำเนินงานเพื่อรองรับการแข่งขันในปีนี้เช่นเดียวกัน ภายใต้งบประมาณทางการตลาดกว่า 30 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ในปี 2551 นี้ จากเดิมในปีก่อนที่ใช้ไป 20 ล้านบาท มั่นใจว่า ในปีนี้ ศูนย์ฯจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 7% จาก 960 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา”
นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแง่ของจำนวนรถยนต์ วันธรรมดามีรถเข้ามาใช้บริการ 14,000 คัน ส่วนวันหยุด จะสูงถึง 18,000-21,000 คัน เติบโตจากปีก่อนถึง 7% ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณหน้าศูนย์ได้ ดังนั้น ทางศูนย์จึงได้ทำทางเชื่อมลานจอดรถเพื่อแก้ปัญหารถติดหน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ อีกส่วนหนึ่งด้วย ภายใต้งบประมาณถึง 90 ล้านบาท
