ปตท.ขอศาลปกครองฯ ขยายเวลาแยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติออกไปอีก 30 วัน นับจากแต่งตั้งบอร์ดเรคกูเรเตอร์ ซึ่งอยู่ระหว่างการทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง ขณะที่ คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนแต่งตั้งบอร์ดเรคกูเรเตอร์
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เกี่ยวกับการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบขนส่งปิโตรเลียมทางท่อรวมทั้งแยกอำนาจ และสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรคกูเรเตอร์) โดยระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติบุคคลเป็นคณะกรรมการเมื่อวันที่ 22 ม.ค.2551 ต่อมาบริษัทได้รับทราบข้อมูลความคืบหน้า ว่า บุคคลที่ได้รับอนุมัติได้ประชุมร่วมกันและคัดเลือกผู้เป็นประธานแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการ ปตท.จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2551 เพื่อขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลออกไปอีก มีกำหนด 30 วัน นับจากวันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการ และสำนักงานศาลปกครองได้มีหนังสือลงวันที่ 4 ก.พ.2551 แจ้งคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการตามคำพิพากษาออกไปตามที่ ปตท.มีคำขอ
ทั้งนี้ ปตท.ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล และได้นำส่งรายงานการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำวินิจฉัยและคำพิพากษาศาลต่อสำนักงานศาลปกครองเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2551 แล้ว และบริษัทได้มีหนังสือลงวันที่เดียวกันถึงกรมธนารักษ์ เพื่อขอส่งมอบทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยที่บริษัทแบ่งแยกให้ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแล้ว
โดยหนังสือที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลออกไปอีก มีกำหนด 30 วันนับจากวันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเรคกูเรเตอร์) และสำนักงานศาลปกครองได้มีหนังสือลงวันที่ 4 ก.พ. 2551 แจ้งคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการตามคำพิพากษาออกไปตามที่บริษัทมีคำขอ
ทั้งน้ เมื่อเดือน ธ.ค.2550 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้ ปตท.คืนทรัพย์สินบางส่วนคืนให้กระทรวงการคลัง โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนมีการแต่งตั้งเรคกูเลเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดภายในราวเดือน เม.ย.
โดยทรัพย์สินที่จะโอนดังกล่าว คาดว่า จะมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้าบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติ โดยหลังจากการโอนทรัพย์สินแล้ว ปตท.จะเป็นผู้เช่าใช้ท่อก๊าซฯ ซึ่งจะมีอัตราเช่าขั้นต่ำ 5% ของรายได้ค่าผ่านท่อในส่วนของระบบท่อก๊าซฯที่แบ่งแยกคืนกระทรวงการคลัง