ททท.รุกขยายฐานตลาดแต่งงานและฮันนีมูน เจาะกลุ่มยุโรป ใช้เวทีงานไอทีบี เปิดตัวแพกเกจหรู ขณะที่ภาคเอกชนค้าน อ้างไม่คุ้ม ลุยเอเชียแปซิฟิกดีกว่า ด้าน “พรศิริ” เดินหน้าอัพมาร์เก็ตตลาดจีน ควงแขนสายการบินคาเธ่ย์ จัดแฟมทิปโปรโมตเฮลทัวริสซึม
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า มีแผนจะขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มแต่งงานและฮันนีมูน ไปยังตลาดยุโรป โดยล่าสุด เตรียมร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้ง บริษัทนำเที่ยว และ โรงแรม จัดแพกเกจแต่งงาน และ แพกเกจฮันนีมูน ไปเสนอขาย ในงาน International Tourismus Borse หรือ ITB ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ทั้งนี้ เพราะปัจจุบันชาวยุโรปเริ่มสนใจที่จะเข้ามาจัดพิธีแต่งงานในประเทศไทยมาขึ้น โดยชื่นชอบวัฒนธรรมประเพณี ความหลากหลายของรูปแบบการจัดพิธีแต่งงาน ที่ประเทศไทย ได้มีการโปรโมต ได้แก่ วิวาห์ใต้สมุทร ปีนผาหารัก วิวาห์บนหลังช้าง และ แต่งงานบนบอลลูน รวมถึงการจัดงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆ ตามประเพณีท้องถิ่น เช่น แต่งงานแบบล้านนา และ ประเพณีแห่ขันหมากแต่งงานของภาคกลางเป็นต้น
โดย ททท.ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อีก 20% ในปีนี้ ล่าสุด ได้ร่วมกับนิตยสาร “ฮันนีมูน แอนด์ ทราเวล” รวบรวมแพกเกจแต่งงานและฮันนีมูน ทำเป็นหนังสือ จัดพิมพ์ 10,000 เล่ม แจกให้แก่ บริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายด้วย โดยหนังสือดังกล่าว จะมีข้อมูลเรื่องสถานที่และบริษัททัวร์ที่รับจัดงานแต่งงาน ตลอดจน โรงแรม รีสอร์ต อีกกว่า 99 แห่ง ที่เหมาะกับการฮันนีมูน โดยจะนำไปแจกในงาน ITB ด้วย
“แต่งงานและฮันนีมูน คือ อัพมาร์เก็ต ที่ ททท.เล็งเป็นเป้าหมายสำคัญ จากที่ผ่านมา จะเจาะตลาดเอเชีย เกาหลี อินเดีย ฮ่องกง เร็วๆ นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เดินทางมาจัดพิธีแต่งงาน ที่ โรงแรมโซฟิเทล เชียงใหม่ 120 คน ซึ่งกลุ่มนี้จะเข้ามาใช้จ่ายเงินต่อครั้งจำนวนมาก ส่วน อินเดีย จะใช้เงินสำหรับงานแต่งงาน คู่ละ 5-10 ล้านบาท โดยปีนี้ ททท.จะเริ่มเก็บสถิติตลาดนี้เป็นปีแรก เพื่อใช้วางแผนในปีต่อๆ ไปด้วย”
เอกชนค้านแต่งงานยุโรปไม่เวิร์ก
ขณะที่ นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงแรมรามาการ์เด้น กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับที่ ททท.จะบุกโปรโมตตลาดแต่งงานในประเทศแถบยุโรป เพราะ ตลาดนี้ ด้วยวิถีชีวิต เขาไม่ได้นิยมออกไปแต่งงานนอกประเทศ ยกเว้นแต่จะมีคู่แต่งงานที่เป็นคนไทย จึงเข้ามาจัดพิธีบ้าง ดังนั้นหาก ททท.มีงบประมาณส่วนนี้ควรใช้โปรโมตขยายตลาดในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงแรม รามาฯ ปีนี้ ตลาดแต่งงานโตกว่า 100% โดยมีคู่แต่งงานจากอินเดีย จองจัดงานไว้ประมาณ 10-15 คู่ ค่าใช้จ่ายแยว 1-6 ล้านบาทต่อคู่ จากปีก่อนมีลูกค้ามาจัดงานประมาณ 4-5 คู่
เจาะเมดิคัลทัวร์ในตลาดจีน
ทางด้าน นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับตลาดอัพมาร์เก็ต ในโซนเอเชีย ล่าสุด เตรียมจับมือกับสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และสายการบินอื่นๆ ที่บินในประเทศจีน จัดแฟมทริปในเดือนมีนาคมศกนี้ โดยจะเชิญ บริษัท 150 ราย จากมณฑลต่างๆ ของจีน และตัวแทนจากสายการบินอีก 130 คน มาเยี่ยมชม โรงพยาบาล และ สปา ในประเทศไทย ล่าสุด มี โรงพยาบาลเอกชน 5-6 แห่ง เข้าร่วมโครงการ จัดสถานที่ ให้เข้าเยี่ยมชม ดูเทคโนโลยีการรักษาพยาบาลของไทย พร้อมทดลองใช้บริการเช็คสุขภาพ ส่วนภาคบ่ายจะพาเยี่ยมชมและทดลองใช้สปา
“ตลาดจีนมีศักยภาพเป็นตลาดอัพมาร์เก็ตได้ และที่สำคัญ ตลาดนี้ส่วนใหญ่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ ททท.จะรุกต่อคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการบริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่องว่างในส่วนของเมดิคัลทัวริสซึม ยังเข้าไปขยายตลาดในจีนได้แน่นอน เพราะสายการบินคาเธ่ย์ ระบุว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากจีนที่ใช้บริการ จองชั้น บิสิเนสคลาส และ เฟิร์สคลาส เพิ่มขึ้นมาก”
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า มีแผนจะขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มแต่งงานและฮันนีมูน ไปยังตลาดยุโรป โดยล่าสุด เตรียมร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้ง บริษัทนำเที่ยว และ โรงแรม จัดแพกเกจแต่งงาน และ แพกเกจฮันนีมูน ไปเสนอขาย ในงาน International Tourismus Borse หรือ ITB ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
ทั้งนี้ เพราะปัจจุบันชาวยุโรปเริ่มสนใจที่จะเข้ามาจัดพิธีแต่งงานในประเทศไทยมาขึ้น โดยชื่นชอบวัฒนธรรมประเพณี ความหลากหลายของรูปแบบการจัดพิธีแต่งงาน ที่ประเทศไทย ได้มีการโปรโมต ได้แก่ วิวาห์ใต้สมุทร ปีนผาหารัก วิวาห์บนหลังช้าง และ แต่งงานบนบอลลูน รวมถึงการจัดงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆ ตามประเพณีท้องถิ่น เช่น แต่งงานแบบล้านนา และ ประเพณีแห่ขันหมากแต่งงานของภาคกลางเป็นต้น
โดย ททท.ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อีก 20% ในปีนี้ ล่าสุด ได้ร่วมกับนิตยสาร “ฮันนีมูน แอนด์ ทราเวล” รวบรวมแพกเกจแต่งงานและฮันนีมูน ทำเป็นหนังสือ จัดพิมพ์ 10,000 เล่ม แจกให้แก่ บริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศ และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายด้วย โดยหนังสือดังกล่าว จะมีข้อมูลเรื่องสถานที่และบริษัททัวร์ที่รับจัดงานแต่งงาน ตลอดจน โรงแรม รีสอร์ต อีกกว่า 99 แห่ง ที่เหมาะกับการฮันนีมูน โดยจะนำไปแจกในงาน ITB ด้วย
“แต่งงานและฮันนีมูน คือ อัพมาร์เก็ต ที่ ททท.เล็งเป็นเป้าหมายสำคัญ จากที่ผ่านมา จะเจาะตลาดเอเชีย เกาหลี อินเดีย ฮ่องกง เร็วๆ นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เดินทางมาจัดพิธีแต่งงาน ที่ โรงแรมโซฟิเทล เชียงใหม่ 120 คน ซึ่งกลุ่มนี้จะเข้ามาใช้จ่ายเงินต่อครั้งจำนวนมาก ส่วน อินเดีย จะใช้เงินสำหรับงานแต่งงาน คู่ละ 5-10 ล้านบาท โดยปีนี้ ททท.จะเริ่มเก็บสถิติตลาดนี้เป็นปีแรก เพื่อใช้วางแผนในปีต่อๆ ไปด้วย”
เอกชนค้านแต่งงานยุโรปไม่เวิร์ก
ขณะที่ นางสาวนันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงแรมรามาการ์เด้น กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับที่ ททท.จะบุกโปรโมตตลาดแต่งงานในประเทศแถบยุโรป เพราะ ตลาดนี้ ด้วยวิถีชีวิต เขาไม่ได้นิยมออกไปแต่งงานนอกประเทศ ยกเว้นแต่จะมีคู่แต่งงานที่เป็นคนไทย จึงเข้ามาจัดพิธีบ้าง ดังนั้นหาก ททท.มีงบประมาณส่วนนี้ควรใช้โปรโมตขยายตลาดในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงแรม รามาฯ ปีนี้ ตลาดแต่งงานโตกว่า 100% โดยมีคู่แต่งงานจากอินเดีย จองจัดงานไว้ประมาณ 10-15 คู่ ค่าใช้จ่ายแยว 1-6 ล้านบาทต่อคู่ จากปีก่อนมีลูกค้ามาจัดงานประมาณ 4-5 คู่
เจาะเมดิคัลทัวร์ในตลาดจีน
ทางด้าน นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สำหรับตลาดอัพมาร์เก็ต ในโซนเอเชีย ล่าสุด เตรียมจับมือกับสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และสายการบินอื่นๆ ที่บินในประเทศจีน จัดแฟมทริปในเดือนมีนาคมศกนี้ โดยจะเชิญ บริษัท 150 ราย จากมณฑลต่างๆ ของจีน และตัวแทนจากสายการบินอีก 130 คน มาเยี่ยมชม โรงพยาบาล และ สปา ในประเทศไทย ล่าสุด มี โรงพยาบาลเอกชน 5-6 แห่ง เข้าร่วมโครงการ จัดสถานที่ ให้เข้าเยี่ยมชม ดูเทคโนโลยีการรักษาพยาบาลของไทย พร้อมทดลองใช้บริการเช็คสุขภาพ ส่วนภาคบ่ายจะพาเยี่ยมชมและทดลองใช้สปา
“ตลาดจีนมีศักยภาพเป็นตลาดอัพมาร์เก็ตได้ และที่สำคัญ ตลาดนี้ส่วนใหญ่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ ททท.จะรุกต่อคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการบริการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งช่องว่างในส่วนของเมดิคัลทัวริสซึม ยังเข้าไปขยายตลาดในจีนได้แน่นอน เพราะสายการบินคาเธ่ย์ ระบุว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากจีนที่ใช้บริการ จองชั้น บิสิเนสคลาส และ เฟิร์สคลาส เพิ่มขึ้นมาก”
