"พ.อ.สุรยุทธ์" ฝากรัฐบาลใหม่ สานต่อยุทธศาสตร์ข้าวไทย พร้อมวางแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ เตรียมลดบทบาทกระทรวงพาณิชย์แทรกแซงราคาข้าวผ่านโครงการรับจำนำ ชี้ต้องสนับสนุนการใช้กลไกตลาด
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กนช.) ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ขยายเวลาการนำข้าวสารของรัฐเข้าประมูลซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ จากเดิมที่มีมติให้นำข้าวสารของรัฐเข้าประมูลในตลาดได้จำนวน 4.5 แสนตัน ปัจจุบันประมูลขายได้เพียง 8.6 หมื่นตัน
ตลอดระบยเวลาที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้นำข้าวสาร 5% จำนวน 4.5 แสนตัน ประมูลซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เป็นตัวอย่างในการเพิ่มทางเลือกในการขายข้าวและลดความเสี่ยงให้เกษตรกรและโรงสี ขณะที่ราคาที่ประมูลได้สูงกว่าราคาตลาด 10-15% ในระยะต่อไปรัฐบาลมีแผนที่จะนำข้าวสารบางส่วนที่อยู่ในสต็อกประมาณ 2 ล้านตัน ออกมาประมูลในตลาดนี้ รวมถึงขยายประเภทข้าวที่จะนำเข้าประมูลให้มากขึ้น
นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2550-2554 โดย พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมข้าวไทย เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่มีการดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด พร้อมทั้งมีแนวทางที่จะลดปริมาณการรับจำนำข้าวลงปีละ 10% ซึ่งจะลดภาระของรัฐและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของข้าวไทยในระยะยาว
พล.อ.สุรยุทธ์ ฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ นักการเมือง และ ข้าราชการประจำว่า ขอให้ยึดยุทธศาสตร์ข้าวไทยเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมข้าว รวมถึงแนวทางที่จะลดปริมาณการจำนำข้าวลง เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายุทธศาสตร์นี้สามารถสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมข้าวไทยครบวงจร และลดภาระของรัฐบาลในการใช้งบประมาณเข้าไปรับจำนำข้าว แต่ละปีต้องใช้งบจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในงบประมาณปี 2551 รัฐบาลจัดสรรงบที่จะดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย จำนวน 956 ล้านบาท และมีงบของหน่วยงานต่างๆ ที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์อีก 500 ล้านบาท ส่วนงบที่จะใช้ในปีถัดไปเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กนช.) ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ขยายเวลาการนำข้าวสารของรัฐเข้าประมูลซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.นี้ จากเดิมที่มีมติให้นำข้าวสารของรัฐเข้าประมูลในตลาดได้จำนวน 4.5 แสนตัน ปัจจุบันประมูลขายได้เพียง 8.6 หมื่นตัน
ตลอดระบยเวลาที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้นำข้าวสาร 5% จำนวน 4.5 แสนตัน ประมูลซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า เป็นตัวอย่างในการเพิ่มทางเลือกในการขายข้าวและลดความเสี่ยงให้เกษตรกรและโรงสี ขณะที่ราคาที่ประมูลได้สูงกว่าราคาตลาด 10-15% ในระยะต่อไปรัฐบาลมีแผนที่จะนำข้าวสารบางส่วนที่อยู่ในสต็อกประมาณ 2 ล้านตัน ออกมาประมูลในตลาดนี้ รวมถึงขยายประเภทข้าวที่จะนำเข้าประมูลให้มากขึ้น
นอกจากนั้นที่ประชุมรับทราบแผนยุทธศาสตร์ข้าวไทยปี 2550-2554 โดย พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมข้าวไทย เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่มีการดำเนินการครบวงจร ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาด พร้อมทั้งมีแนวทางที่จะลดปริมาณการรับจำนำข้าวลงปีละ 10% ซึ่งจะลดภาระของรัฐและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของข้าวไทยในระยะยาว
พล.อ.สุรยุทธ์ ฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ นักการเมือง และ ข้าราชการประจำว่า ขอให้ยึดยุทธศาสตร์ข้าวไทยเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอุตสาหกรรมข้าว รวมถึงแนวทางที่จะลดปริมาณการจำนำข้าวลง เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่ายุทธศาสตร์นี้สามารถสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมข้าวไทยครบวงจร และลดภาระของรัฐบาลในการใช้งบประมาณเข้าไปรับจำนำข้าว แต่ละปีต้องใช้งบจำนวนมาก
ทั้งนี้ ในงบประมาณปี 2551 รัฐบาลจัดสรรงบที่จะดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย จำนวน 956 ล้านบาท และมีงบของหน่วยงานต่างๆ ที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์อีก 500 ล้านบาท ส่วนงบที่จะใช้ในปีถัดไปเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่