กลุ่มบรรลือสาส์น เจ้าของหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ แตกไลน์ธุรกิจ ทุ่ม 300 ล้านบาท ลงทุนเปิดธุรกิจสปา ภายใต้ชื่อ “ระรินจินดา” ตั้งเป้า 3 ปี รุกคืบโกอินเตอร์
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต กรรมการ บริษัท ระรินจิดา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุน 300 ล้านบาท สร้างโครงการ “ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท” บนพื้นที่ 3 ไร่ ในตัวเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งใจให้เป็นศูนย์ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพแบบครบวงจรแห่งแรกใน เชียงใหม่ ซึ่งให้บริการตั้งแต่ การนวดบำบัด วารีบำบัด ไปถึงการให้บริการที่ต้องใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การตรวจเช็คสุขภาพด้วยเครื่องวัดรังสีออร่า เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทฯจะใช้ศูนย์นี้ เป็นที่ฝึกและพัฒนาบุคคลากรขององค์กรเพื่อกระจายไปยังสาขาต่างๆ
ทั้งนี้ธุรกิจหลักของตระกูล อุตสาหจิต คือ สื่อสิ่งพิมพ์ โดยเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ บรรลือสาส์น เจ้าของหนังสือการ์ตูนพ็อคเก็ตบุ๊ค หลายฉบับ และ ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ ซึ่ง การแตกไลน์ ออกมาทำธุรกิจสปา สืบเนื่องจากความชอบส่วนตัว และได้เดินทางไปดูสปามาหลายแห่ง จนได้คำตอบและคอนเซปต์ที่ชัดเจน จึงตัดสินใจลงทุน
ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา เป็นสแตนอโลนมาแล้ว 7-8 ปี ภายใต้ชื่อ Let’s Relax เป็นสปาที่ให้บริการระดับ 4 ดาว มี 6 สาขา แบ่งเป็น ที่ กรุงเทพฯ 2 สาขา เชียงใหม่ 1 สาขา ภูเก็ต 2 สาขา และ พัทยา 1 สาขา ลูกค้า 90% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง เกาหลี และ ญี่ปุ่น เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทฯได้อยู่ในธุรกิจนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จึงต้องการขยายธุรกิจขึ้นสู่ตลาดระดับบน จึงได้สร้างแบรนด์ใหม่เป็น “ระรินจินดา” ในรูปแบบเดสติเนชั่นสปา โดยมีอัตราค่าบริการที่ถูกเป็นจุดขายหลัก และจากนี้ไปบริษัทฯ จะเน้นทำการตลาดและขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ระรินจินดา โดยล่าสุดเปิดสาขา 2 ที่กรุงเทพฯในซอยมหาดเล็กหลวง ใช้เงินลงทุนกว่า 3 ล้านบาท ทั้งสาขาแรกและสาขา 2 คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนภายใน 5 ปี
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักของ ระรินจินดา ยังคงเป็นชาวต่างชาติ สัดส่วนกว่า 80% คนไทย 20% ส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการ Let’s Relax และลูกค้าใหม่ ที่เกิดจากการบอกต่อของลูกค้าเก่า ซึ่งตลาดหลักยังคงเป็นแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และ เกาหลี ซึ่ง วางแผนว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้ไปจะขยายธุรกิจ ระรินจินดา ออกไปยังต่างประเทศ
โดยจะไม่ขายแฟรนไชส์เพราะต้องการควบคุมคุณภาพ แต่จะออกไปในลักษณะร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้มีนักธุรกิจต่างชาติที่สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมากหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อังกฤษ เยอรมัน และ หลายประเทศในตะวันออกลาง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบธุรกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจ พร้อมกับหารือร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
นอกจากนั้นเร็วนี้ บริษัทฯจะเปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา ภายใต้แบรนด์ บลูมมิ่ง สปา (Blooming Spa) โดยจะใช้ Let’s Relax ทั้ง 6 สาขา และ ระรินจินดา อีก 2 สาขา เป็นหน้าร้าน จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง แก่ลูกค้าที่สนใจ
นายวิบูลย์ กล่าวยอมรับว่า ธุรกิจสปา มีการแข่งขันสูง ดังนั้นผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ได้ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจ และมีสายป่านที่ยาว มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น เพราะนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง ทั้งเรื่องของโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา และ บริการท่องเที่ยวอื่นๆ ประกอบกับปัจจุบันทุกโรงแรมจะมีสปาไว้คอยบริการอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องการสร้างแบรนด์ก็มีความจำเป็น
นายวิบูลย์ อุตสาหจิต กรรมการ บริษัท ระรินจิดา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงทุน 300 ล้านบาท สร้างโครงการ “ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท” บนพื้นที่ 3 ไร่ ในตัวเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยตั้งใจให้เป็นศูนย์ให้บริการสปาเพื่อสุขภาพแบบครบวงจรแห่งแรกใน เชียงใหม่ ซึ่งให้บริการตั้งแต่ การนวดบำบัด วารีบำบัด ไปถึงการให้บริการที่ต้องใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การตรวจเช็คสุขภาพด้วยเครื่องวัดรังสีออร่า เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทฯจะใช้ศูนย์นี้ เป็นที่ฝึกและพัฒนาบุคคลากรขององค์กรเพื่อกระจายไปยังสาขาต่างๆ
ทั้งนี้ธุรกิจหลักของตระกูล อุตสาหจิต คือ สื่อสิ่งพิมพ์ โดยเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ บรรลือสาส์น เจ้าของหนังสือการ์ตูนพ็อคเก็ตบุ๊ค หลายฉบับ และ ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ ซึ่ง การแตกไลน์ ออกมาทำธุรกิจสปา สืบเนื่องจากความชอบส่วนตัว และได้เดินทางไปดูสปามาหลายแห่ง จนได้คำตอบและคอนเซปต์ที่ชัดเจน จึงตัดสินใจลงทุน
ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดให้บริการสปาในรูปแบบเดย์สปา เป็นสแตนอโลนมาแล้ว 7-8 ปี ภายใต้ชื่อ Let’s Relax เป็นสปาที่ให้บริการระดับ 4 ดาว มี 6 สาขา แบ่งเป็น ที่ กรุงเทพฯ 2 สาขา เชียงใหม่ 1 สาขา ภูเก็ต 2 สาขา และ พัทยา 1 สาขา ลูกค้า 90% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ฮ่องกง เกาหลี และ ญี่ปุ่น เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากการที่บริษัทฯได้อยู่ในธุรกิจนี้มาระยะหนึ่งแล้ว จึงต้องการขยายธุรกิจขึ้นสู่ตลาดระดับบน จึงได้สร้างแบรนด์ใหม่เป็น “ระรินจินดา” ในรูปแบบเดสติเนชั่นสปา โดยมีอัตราค่าบริการที่ถูกเป็นจุดขายหลัก และจากนี้ไปบริษัทฯ จะเน้นทำการตลาดและขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ระรินจินดา โดยล่าสุดเปิดสาขา 2 ที่กรุงเทพฯในซอยมหาดเล็กหลวง ใช้เงินลงทุนกว่า 3 ล้านบาท ทั้งสาขาแรกและสาขา 2 คาดว่าจะใช้เวลาคืนทุนภายใน 5 ปี
ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าหลักของ ระรินจินดา ยังคงเป็นชาวต่างชาติ สัดส่วนกว่า 80% คนไทย 20% ส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการ Let’s Relax และลูกค้าใหม่ ที่เกิดจากการบอกต่อของลูกค้าเก่า ซึ่งตลาดหลักยังคงเป็นแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และ เกาหลี ซึ่ง วางแผนว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้ไปจะขยายธุรกิจ ระรินจินดา ออกไปยังต่างประเทศ
โดยจะไม่ขายแฟรนไชส์เพราะต้องการควบคุมคุณภาพ แต่จะออกไปในลักษณะร่วมลงทุน ซึ่งขณะนี้มีนักธุรกิจต่างชาติที่สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมากหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อังกฤษ เยอรมัน และ หลายประเทศในตะวันออกลาง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบธุรกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจ พร้อมกับหารือร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์
นอกจากนั้นเร็วนี้ บริษัทฯจะเปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา ภายใต้แบรนด์ บลูมมิ่ง สปา (Blooming Spa) โดยจะใช้ Let’s Relax ทั้ง 6 สาขา และ ระรินจินดา อีก 2 สาขา เป็นหน้าร้าน จำหน่ายทั้งปลีกและส่ง แก่ลูกค้าที่สนใจ
นายวิบูลย์ กล่าวยอมรับว่า ธุรกิจสปา มีการแข่งขันสูง ดังนั้นผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ได้ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจ และมีสายป่านที่ยาว มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น เพราะนักท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง ทั้งเรื่องของโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา และ บริการท่องเที่ยวอื่นๆ ประกอบกับปัจจุบันทุกโรงแรมจะมีสปาไว้คอยบริการอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องการสร้างแบรนด์ก็มีความจำเป็น