xs
xsm
sm
md
lg

“วันชัย พละพงค์พานิชย์” ซึทาญ่าต้องมากกว่าศูนย์เช่าหนัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผมมาทำงานที่ซึทาญ่าได้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว ซึ่งก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย รวมทั้งได้ปรับเปลี่ยนอะไรไปหลายอย่างพอสมควร”

นี่คือคำกล่าวของ นายวันชัย พละพงค์พานิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซึทาญ่า (ประเทศไทย) จำกัด หรือชื่อที่คนในองค์กรเรียกกันว่า “คุณบ็อบ”

ซึทาญ่าในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ หลังจากที่ชายหนุ่มคนนี้เข้ามาร่วมบริหารงาน จากแค่การเป็นศูนย์เช่าหนังในอดีตที่คนไทยเรารู้จักมักคุ้นอย่างดี ทว่า วันนึ้ซึทาญ่าเป็นอะไรที่มากกว่านั้น

“เราเป็นรีเทลเลอร์ มีหน้าที่ที่ต้องประยุกต์ ไม่อยู่เฉย เห็นอะไรที่ดีหรือสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค ถ้าทำได้เราต้องทำ  เราทำวิจัยพบว่า สมัยนี้ลูกค้าของเราไม่ใช่แค่ต้องการเข้ามาในร้านแล้วได้แค่หนังเท่านั้น พวกเขาต้องการอะไรที่เป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เขาเคยถามว่าทำไมไม่มีสเตชั่นเนอรี่ ทำไมไม่มีบัตรโทรศัพท์เติมเงิน ทำไมไม่มีไอ้นั่นไม่มีไอ้นี่ เราก็เลยเก็บข้อมูลเหล่านั้นมา แล้วก็สโคปดาวน์ (Scope Down) ดูว่า ในร้านเราควรมีอะไรบ้าง และสิ่งที่ลูกค้าต้องการเหล่านั้นมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในร้านเราหรือไม่” วันชัยอธิบายให้ฟัง

ตรงนี้เองที่เป็นที่มาของการเปิดกว้างรับพันธมิตรเข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาซึทาญ่ามากขึ้น กับการนำร่อง 2 พันธมิตร คือ ทรูมันนี่เอ็กซ์เพรส จุดรับชำระค่าบริการสินค้าต่างๆ  และดั๊บเบิ้ลเอที่นำสินค้าสเตชั่นเนอรี่มาวางขายในร้านซึทาญ่า ใครเลยจะคิดว่าวันนี้ เดินเข้าร้าน ซึทาญ่า แล้วจะจ่ายค่าบริการต่างๆได้ แถมยังซื้อเครื่องเขียนเป็นของฝากไปให้ลูกหลานได้อีกด้วย

“อนาคตเราจะมีอะไรที่มากกว่านี้อีก เพราะว่ามีบริการจากพันธมิตรอีก 7 ค่าย ที่คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดตัวในเร็วๆนี้”  

เขาฉายภาพให้เห็นถึงร้านซึทาญ่าในอนาคตด้วยว่า ซึทาญ่าที่ญี่ปุ่นมีมากกว่า 1,000 สาขา พื้นที่ใหญ่โต เพาะมีบริการที่หลากหลาย ทั้งเช่าและขาย หนัง เพลง วีซีดี ดีวีดี หนังสือ มือถือ  ขาย สเตชั่นเนอรี่ ขายสแน็ค และอื่นๆ เพราะมีโนว์ฮาว์ของตัวเอง

ตรงนี้แหละที่เขาตั้งคำถามว่า ทำไมซึทาญ่าเมืองไทยจะทำไม่ได้บ้าง

ก่อนหน้านี้เขาก็พลิกร้านซึทาญ่าให้เป็นช่องทางบริการและหารายได้เข้าบริษัทฯมาบ้างแล้วด้วยการใช้แบรนด์และเครือข่ายซึทาญ่าเป็นเสมือนสื่ออินสโตร์ให้กับพันธมิตรในการโฆษณาสินค้าและบริการ รวมทั้งการทำโปรโมชันร่วมกันมาแล้วด้วย ซึ่งก็นับไปได้ดี

เป็นการตอบโจทย์ที่เขาย้ำเสมอว่า การเป็นธุรกิจรีเทลเลอร์ต้องปรับตัวตลอดเวลา ด้วยการสรรหาสิ่งใหม่ๆเข้ามานำเสนอลูกค้ตลอดเวลา

เขามองว่า การมีพันธมิตรที่ให้บริการหลากหลาย  เป็นสิ่งที่สร้างจุดแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งในช่วงที่ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจไม่ดี ค่าใช้จ่ายประชาชนขึ้นหมดทุกอย่าง ยอดขายหลายธุรกิจไม่ค่อยดี แม้แต่ซึทาญ่าก็เช่นกันต้องหาทางสู้ คือ การผนึกกำลัง หรือ การซินเนอร์ยี่ (Synergy) เป็นสิ่วที่ฟันธงว่า ใช่

ยิ่งหากเป็นแบรนด์ใหญ่กับแบรนด์ใหญ่ด้วยวกันนล้ว ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล WIN ทั้งคู่แน่อนอน  

ดังนั้นการจับมือกับ ดั๊บเบิ้ลเอ ทรูมันนี่ ก็เป็นเสมือนย้ำถึง กลยุทธที่เขาบอกทุครั้งว่า ทุกรายที่ร่วมมือกันจะต้องเป็นลักษณะพาร์ทเนอร์ชิพกันหมด มันมากกว่าการเป็นคู่ค้าหรือการขายของ ด้วยกัน

วันชัยกับบทบาทใหม่ของซึทาญ่าที่จะมากกว่าการเป็นแค่ศูนย์เชาหนัง กำลังจะเริ่มต้นอย่างชัดเจน ไ
กำลังโหลดความคิดเห็น