ไมเนอร์ฯสร้างขาที่สามกลุ่มแฟชั่น คว้าสิทธิ์แบรนด์ยีนส์เวสท์บุกตลาดระดับล่าง บุกช่องทางโมเดิร์นเทรด ผนึกเทสโก้โลตัส ต่างจากประเทศอื่น วางเป้ารายได้ 350 ล้านบาทในปี 2553
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนสร้างขาที่ 3ในธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น จากเดิมมี แบรนด์เอสปรี ซึ่งมีรายได้หลัก 70% ของกลุ่มแฟชั่น จับกลุ่มระดับบน, แบรนด์ บอสซินี่ รายได้ 350 ล้านบาทต่อปี จับระดับกลาง และล่าสุด แบรนด์ยีนส์เวสท์ จับกลุ่มกลางลงล่าง ซึ่งบริษัทฯได้รับสิทธิ์จำหน่ายในไทยจากบริษัท กลอเรียส ซัน เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ จำกัด ตั้งเป้าใน 3 ปีแบรนด์ยีนส์เวสท์ จะมีสัดส่วนรายได้ 20% ของกลุ่มแฟชั่นบริษัทฯหรือมีรายได้จากยีนส์เวสท์ 350 ล้านบาทภายในปี 2553
สำหรับแบรนด์ยีนส์เวสท์เป็นแฟชั่นลำลองเน้นดีไซน์ ทำตลาดระดับกลางลงล่างเป็นสินค้าคุณภาพนำเข้าแต่ราคาระดับ 199-900 บาท เจาะกลุ่มทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุ 18-35 ปี สาเหตุที่สามารถตั้งราคาต่ำได้เพราะว่าผลพวงจากเอฟทีเอ ไทยกับจีน ทำให้ภาษีนำเข้าอินเตอร์แบรนด์จากจีนที่มาจากโรงงานของแบรนด์ตัวเองเหลือ 12% จากเดิม 30% และอนาคตจะเหลือ 0%
ส่วนช่องทางจำหน่ายนั้นบริษัทฯวางแผนรุกต่างจากประเทศอื่น โดยจะเป็นแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์นำเข้ารายแรกที่วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งบริษัทฯได้เริ่มต้นที่ เทสโก้โลตัส 4 สาขาคือ บางกะปิ หลักสี่ ชลบุรี ขอนแก่น ซึ่งมีแผนที่จะวางขายในเทสโก้โลตัสทุกสาขาที่มีความเหมาะสมส่วนจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟที่เดียวหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตกลงในอนาคตและยอดขายที่เกิดขึ้นว่าดีหรือไม่ โดยตั้งเป้าเปิดให้ได้ 80 สาขาใน 3 ปี ลงทุนประมาณ 5 แสนบาทต่อจุด นอกนั้นเพิ่งเปิดชอปอินชอปแห่งแรกของบริษัทฯที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
ทั้งนี้จากราคาของยีนสเวสท์ที่อยู่เฉลี่ย 690 บาท แต่เป็นอินเตอร์แบรนด์ เทียบกับตลาดเสื้อผ้าแบรนด์ของไทยและที่นำเข้าราคาต่ำได้แก่ เอทูแซด เทนแอนด์โค พีน่าเฮ้าส์ และจิออร์ดาโน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งของยีนส์เวสท์ ซึ่งจะทำให้ยีนส์เวสท์แข่งขันได้ไม่ยาก
นายแมทธิว กล่าวว่า ในไตรมาส 4 ปีหน้า ทางกลอเรียสฯยังเตรียมที่จะนำแบรนด์ เจ-วัน ของยีนส์เวสท์ เข้ามาทำตลาดในไทยอีกด้วยแต่ราคาจะสูงกว่า ยีนส์เวสท์จับกลุ่มบน วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
นายปีเตอร์ เตียว กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลอเรียส ซัน เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแฟชั่นแบรนด์ “ยีนส์เวสท์/JeansWest) กล่าวว่า ตลาดแฟชั่นในไทยเติบโตรวดเร็วและมีช่องว่างทำตลาดสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศในกลุ่มแฟชั่นนิสต้า จึงมั่นใจว่า กลุ่มไมเนอร์ฯจะสร้างการเติบโตของ ยีนส์เวสท์ ได้ เช่นเดียวกับที่แบรนด์นี้เติบโตดีมีสาขาสแตนด์อโลนมากกว่า 1,400 แห่งในจีน และในออสเตรเลียมีมากกว่า 180 แห่ง นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับบริษัทกลอเรียส จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นที่ฮ่องกง มีมูลค่าตลาดการลงทุน 584 ล้านดอลล่าร์ รายได้รวมของกลุ่มครึ่งปี 2550 มีมูลค่า 258 ล้านดอลล่าร์ มีสัดส่วนรายได้กว่า 75% มาจากธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่น
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนสร้างขาที่ 3ในธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น จากเดิมมี แบรนด์เอสปรี ซึ่งมีรายได้หลัก 70% ของกลุ่มแฟชั่น จับกลุ่มระดับบน, แบรนด์ บอสซินี่ รายได้ 350 ล้านบาทต่อปี จับระดับกลาง และล่าสุด แบรนด์ยีนส์เวสท์ จับกลุ่มกลางลงล่าง ซึ่งบริษัทฯได้รับสิทธิ์จำหน่ายในไทยจากบริษัท กลอเรียส ซัน เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ จำกัด ตั้งเป้าใน 3 ปีแบรนด์ยีนส์เวสท์ จะมีสัดส่วนรายได้ 20% ของกลุ่มแฟชั่นบริษัทฯหรือมีรายได้จากยีนส์เวสท์ 350 ล้านบาทภายในปี 2553
สำหรับแบรนด์ยีนส์เวสท์เป็นแฟชั่นลำลองเน้นดีไซน์ ทำตลาดระดับกลางลงล่างเป็นสินค้าคุณภาพนำเข้าแต่ราคาระดับ 199-900 บาท เจาะกลุ่มทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุ 18-35 ปี สาเหตุที่สามารถตั้งราคาต่ำได้เพราะว่าผลพวงจากเอฟทีเอ ไทยกับจีน ทำให้ภาษีนำเข้าอินเตอร์แบรนด์จากจีนที่มาจากโรงงานของแบรนด์ตัวเองเหลือ 12% จากเดิม 30% และอนาคตจะเหลือ 0%
ส่วนช่องทางจำหน่ายนั้นบริษัทฯวางแผนรุกต่างจากประเทศอื่น โดยจะเป็นแฟชั่นอินเตอร์แบรนด์นำเข้ารายแรกที่วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ซึ่งบริษัทฯได้เริ่มต้นที่ เทสโก้โลตัส 4 สาขาคือ บางกะปิ หลักสี่ ชลบุรี ขอนแก่น ซึ่งมีแผนที่จะวางขายในเทสโก้โลตัสทุกสาขาที่มีความเหมาะสมส่วนจะเป็นเอ็กซ์คลูซีฟที่เดียวหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตกลงในอนาคตและยอดขายที่เกิดขึ้นว่าดีหรือไม่ โดยตั้งเป้าเปิดให้ได้ 80 สาขาใน 3 ปี ลงทุนประมาณ 5 แสนบาทต่อจุด นอกนั้นเพิ่งเปิดชอปอินชอปแห่งแรกของบริษัทฯที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
ทั้งนี้จากราคาของยีนสเวสท์ที่อยู่เฉลี่ย 690 บาท แต่เป็นอินเตอร์แบรนด์ เทียบกับตลาดเสื้อผ้าแบรนด์ของไทยและที่นำเข้าราคาต่ำได้แก่ เอทูแซด เทนแอนด์โค พีน่าเฮ้าส์ และจิออร์ดาโน เป็นต้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งของยีนส์เวสท์ ซึ่งจะทำให้ยีนส์เวสท์แข่งขันได้ไม่ยาก
นายแมทธิว กล่าวว่า ในไตรมาส 4 ปีหน้า ทางกลอเรียสฯยังเตรียมที่จะนำแบรนด์ เจ-วัน ของยีนส์เวสท์ เข้ามาทำตลาดในไทยอีกด้วยแต่ราคาจะสูงกว่า ยีนส์เวสท์จับกลุ่มบน วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
นายปีเตอร์ เตียว กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลอเรียส ซัน เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแฟชั่นแบรนด์ “ยีนส์เวสท์/JeansWest) กล่าวว่า ตลาดแฟชั่นในไทยเติบโตรวดเร็วและมีช่องว่างทำตลาดสินค้าแบรนด์เนมต่างประเทศในกลุ่มแฟชั่นนิสต้า จึงมั่นใจว่า กลุ่มไมเนอร์ฯจะสร้างการเติบโตของ ยีนส์เวสท์ ได้ เช่นเดียวกับที่แบรนด์นี้เติบโตดีมีสาขาสแตนด์อโลนมากกว่า 1,400 แห่งในจีน และในออสเตรเลียมีมากกว่า 180 แห่ง นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับบริษัทกลอเรียส จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นที่ฮ่องกง มีมูลค่าตลาดการลงทุน 584 ล้านดอลล่าร์ รายได้รวมของกลุ่มครึ่งปี 2550 มีมูลค่า 258 ล้านดอลล่าร์ มีสัดส่วนรายได้กว่า 75% มาจากธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่น