สปอร์ตมอลล์ปรับกลยุทธ์ ชูบิ๊กแบรนด์ เปิดทางเพิ่มพื้นที่แบรนด์ใหญ่ ส่วนแบรนด์ย่อย ถูกตัดพื้นที่ลง หวังยอดขายจากสินค้าครบไลน์ของแบรนด์ดัง สองค่ายใหญ่ ไนกี้ และอาดิดาส ฮุบพื้นที่เพิ่ม เผยโฉมแล้วที่สยามพารากอนและเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เล็งรีโนเวตต่อ มั่นใจปีนี้รายได้ทะลุ 1,800 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% ปีหน้าตลาดกีฬาเฟื่องรับอานิสงส์ฟุตบอลยูโร และโอลิมปิก
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายบริหราสินค้า เอ 1 และนายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการอาวุโสจัดหาสินค้าสปอร์ตมอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับแนวทางการบริหารสปอร์ตมอลล์ใหม่ โดยใช้กลยุทธ์ "บิ๊กแบรนด์" หรือ Big Brand เข้ามาบริหารจัดการ โดยเป็นรูปแบบการแยกแบรนด์อันดับต้นๆในแง่ยอดขายออกมาเฉพาะเป็นพื้นที่ต่างหากและมีพื้นที่เพิ่มขึ้นในสปอร์ตมอลล์
ปัจจุบันได้เริ่มปรับไปแล้วใน 2 สาขา เพิ่งเปิดบริการไม่นานนี้คือ ที่สาขาสยามพารากอนและสาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท โดยเริ่มต้นที่ 2 แบรนด์ใหญ่คือ ไนกี้กับอาดิดาส จัดทำเป็น แฟลกชิปสโตร์ พื้นที่ 200 ตร.ม.ต่อแบรนด์ ขณะที่แบรนด์ระดับรองลงมาอีก 3 แบรนด์คือ รีบอค คอนเวิร์ส พูม่า แบรนด์ละ 80 ตร.ม.ขณะที่บรนด์อื่นของซัปพลายเออร์ที่เหลือจะเป็นคอร์เนอร์จะมีเฉลี่ยตั้งแต่ 15-40 ตารงเมตร แต่ทั้งหมดจะเป็นการแบ่งคอนไซน์เม้นท์หรือแบ่งเปอร์เซนต์เหมือนกัน
"การทำแบบนี้ทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ่นเพราะแบรนด์ใหญ่ก็จะมีสินค้าครบไลน์มาจำหน่ายมากขึ้น ส่วนแบรนด์ที่ยอดขายน้อยก็ได้พื้นที่น้อยตามยอดขายอยู่แล้ว แต่ซัปพลายเออร์ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ต่อไปก็จะปรับที่สาขาบางแค ซึ่งเดิมมีพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. จะเพิ่มเป็น 3,000 ตร.ม. และที่โคราช พื้นที่ 3,000 กว่าตร.ม. จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งจะรองรับมหกรรมซีเกมส์ที่โคราชด้วย นอกจากนั้นยังได้เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เช่น สตรีทแวร์โซน (กีฬาเอ็กซ์ตรีม,แอดเวนเจอร์) , ฮอบบี้โซน (สินค้าเครื่องเล่นวิทยุบังคับ)
"
นายสุนทรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสปอร์ตมอลล์ มี 8 สาขา ยังไม่มีนโยบายที่จะเปิดสาขาแบบสแตน์อโลน โดยปีนี้คาดว่า จะมีรายได้รวมประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% ซึ่ง 10 เดือนแรกทำได้แล้ว 1,150 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ยังคงมาจาก 1.รองเท้าและเสื้อผ้า 50% 2.กอล์ฟ 25% (เดิมมี 5%) แต่มีอัตราเติบโต 40% อีก 25% จากกลุ่มที่เหลือคือ ออกกำลังกาย แอดเวนเจอร์แคมปิ้ง, อุปกรณ์อื่นๆ, กีฬาทางน้ำ, ออกกำลังกาย โดยใช้งบตลาดปีนี้ 20 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งไว้ที่ 50 ล้านบาท
ขณะนี้ตลาดอุปกรณ์กีฬาเติบโตอย่างมาก เนื่องจากผลพวงจากกีฬาซีเกมส์ปลายปีนี้ และกีฬาใหญ่ๆปีหน้าทั้งฟุตบอลยูโร และโอลิมปิค ที่จะเป็นอีเว้นท์ใหญาวงการกีฬาส่งผลต่อยอดขายสินค้ากีฬาด้วยจะเติบโตมากกว่า 20% ในตลาดรวม
ล่าสุดสปอร์ตมอลล์ได้เปิดตัวโครงการ สปอร์ตมอลล์ฮีโร่ โดยกิจกรรมล่าสุดที่จัดขึ้นคือ วันที่ 31 ต.ค.-11 พ.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ของแผนก เน้นกลยุทธ์ เซเลบริตี้มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำฮีโร่แต่ละวงการมาเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่ายลูกค้า รวมทั้งร่วมมือกับทีไอทีวีในการส่งแรงใจเชียร์ 9 ฮีโร่ให้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ให้สำเร็จ ซึ่งคาดว่าช่วงการจัดงานจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 แสนคน กระตุ้นยอดขายกว่า 20 ล้านบาท
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายบริหราสินค้า เอ 1 และนายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการอาวุโสจัดหาสินค้าสปอร์ตมอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับแนวทางการบริหารสปอร์ตมอลล์ใหม่ โดยใช้กลยุทธ์ "บิ๊กแบรนด์" หรือ Big Brand เข้ามาบริหารจัดการ โดยเป็นรูปแบบการแยกแบรนด์อันดับต้นๆในแง่ยอดขายออกมาเฉพาะเป็นพื้นที่ต่างหากและมีพื้นที่เพิ่มขึ้นในสปอร์ตมอลล์
ปัจจุบันได้เริ่มปรับไปแล้วใน 2 สาขา เพิ่งเปิดบริการไม่นานนี้คือ ที่สาขาสยามพารากอนและสาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท โดยเริ่มต้นที่ 2 แบรนด์ใหญ่คือ ไนกี้กับอาดิดาส จัดทำเป็น แฟลกชิปสโตร์ พื้นที่ 200 ตร.ม.ต่อแบรนด์ ขณะที่แบรนด์ระดับรองลงมาอีก 3 แบรนด์คือ รีบอค คอนเวิร์ส พูม่า แบรนด์ละ 80 ตร.ม.ขณะที่บรนด์อื่นของซัปพลายเออร์ที่เหลือจะเป็นคอร์เนอร์จะมีเฉลี่ยตั้งแต่ 15-40 ตารงเมตร แต่ทั้งหมดจะเป็นการแบ่งคอนไซน์เม้นท์หรือแบ่งเปอร์เซนต์เหมือนกัน
"การทำแบบนี้ทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ่นเพราะแบรนด์ใหญ่ก็จะมีสินค้าครบไลน์มาจำหน่ายมากขึ้น ส่วนแบรนด์ที่ยอดขายน้อยก็ได้พื้นที่น้อยตามยอดขายอยู่แล้ว แต่ซัปพลายเออร์ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ต่อไปก็จะปรับที่สาขาบางแค ซึ่งเดิมมีพื้นที่รวม 2,000 ตร.ม. จะเพิ่มเป็น 3,000 ตร.ม. และที่โคราช พื้นที่ 3,000 กว่าตร.ม. จะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งจะรองรับมหกรรมซีเกมส์ที่โคราชด้วย นอกจากนั้นยังได้เพิ่มสินค้ากลุ่มใหม่เช่น สตรีทแวร์โซน (กีฬาเอ็กซ์ตรีม,แอดเวนเจอร์) , ฮอบบี้โซน (สินค้าเครื่องเล่นวิทยุบังคับ)
"
นายสุนทรกล่าวต่อว่า ปัจจุบันสปอร์ตมอลล์ มี 8 สาขา ยังไม่มีนโยบายที่จะเปิดสาขาแบบสแตน์อโลน โดยปีนี้คาดว่า จะมีรายได้รวมประมาณ 1,800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% ซึ่ง 10 เดือนแรกทำได้แล้ว 1,150 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 2,400 ล้านบาท ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ยังคงมาจาก 1.รองเท้าและเสื้อผ้า 50% 2.กอล์ฟ 25% (เดิมมี 5%) แต่มีอัตราเติบโต 40% อีก 25% จากกลุ่มที่เหลือคือ ออกกำลังกาย แอดเวนเจอร์แคมปิ้ง, อุปกรณ์อื่นๆ, กีฬาทางน้ำ, ออกกำลังกาย โดยใช้งบตลาดปีนี้ 20 ล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งไว้ที่ 50 ล้านบาท
ขณะนี้ตลาดอุปกรณ์กีฬาเติบโตอย่างมาก เนื่องจากผลพวงจากกีฬาซีเกมส์ปลายปีนี้ และกีฬาใหญ่ๆปีหน้าทั้งฟุตบอลยูโร และโอลิมปิค ที่จะเป็นอีเว้นท์ใหญาวงการกีฬาส่งผลต่อยอดขายสินค้ากีฬาด้วยจะเติบโตมากกว่า 20% ในตลาดรวม
ล่าสุดสปอร์ตมอลล์ได้เปิดตัวโครงการ สปอร์ตมอลล์ฮีโร่ โดยกิจกรรมล่าสุดที่จัดขึ้นคือ วันที่ 31 ต.ค.-11 พ.ย.นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ของแผนก เน้นกลยุทธ์ เซเลบริตี้มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการนำฮีโร่แต่ละวงการมาเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่ายลูกค้า รวมทั้งร่วมมือกับทีไอทีวีในการส่งแรงใจเชียร์ 9 ฮีโร่ให้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ให้สำเร็จ ซึ่งคาดว่าช่วงการจัดงานจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 แสนคน กระตุ้นยอดขายกว่า 20 ล้านบาท