มาม่า จ่อคิวขึ้นราคา 1 ธ.ค.นี้แน่ ยันลดปริมาณลงทำให้คนไม่อิ่มท้อง ระบุ บะหมี่ซองโต 70 กรัม ขาย 5 บาท อ่วมต้นทุนสูงกว่าซองปกติ ด้าน “ยำยำ” บอร์ดยังสงวนท่าทีขึ้นราคา ยอมกัดฟันแบกรับภาระบะหมี่ซองโตจัมโบ้ต่อ หลังเป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้ 80% เผยนอกจากการขึ้นราคาที่มีผลต่อกำลังซื้อ ยังมีตัวแปรหลายอย่าง สินค้าทดแทน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธาน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมนำข้อมูลต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นชี้แจ้งกับกรมการค้าภายในอย่างละเอียดในวันที่ 15 ตุลาคม นี้ และวางแผนจะปรับราคาขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ หรืออาจจะรอเวลาอีก 1 เดือน เพื่อขึ้นราคาสินค้าวันที่ 1 มกราคม 2551 ทั้งนี้ คาดว่า หากมาม่ามีการปรับราคาขึ้น กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคู่แข่ง อาทิ ไวไว ยำยำ มีโอกาสที่จะปรับราคาบะหมี่ตาม มีสูง ขณะที่บะหมี่ซองใหญ่หากมีการปรับราคาอาจจะเพิ่มขึ้นจาก 5 บาท เป็น 6-7 บาท ส่วนหากกรณีการปรับลดขนาดลงนั้น จากปกติ 60 กรัม เหลือเป็น 50-55 กรัมนั้น บริษัทไม่มีนโยบาย เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคไม่อิ่มท้อง
ยำยำสงวนท่าทีปรับราคาขึ้น
แหล่งข่าวจากบริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า กรณีที่บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เตรียมยื่นข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตโดยละเอียดต่อกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าขึ้นราคาจาก 5 บาท เป็น 6 บาท เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้นได้นั้น สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ขณะนี้บอร์ดของบริษัทไม่ได้มีแนวทางปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด โดยยังคงจำหน่ายราคาเดิม คือ ยำยำ จัมโบ้ ขนาด 70 กรัม ราคา 5 บาท
ทั้งนี้ หากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าปรับราคาขึ้นจาก 5 บาท เป็น 6 บาท คงต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดของบริษัท ว่า จะมีนโยบายกำหนดราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นไปในทิศทางใด สำหรับต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นตามที่บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฯ แจ้ง โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แป้งสาลีต้นทุนเพิ่ม 60% น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น 50% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซองใหญ่ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาด 70 กรัม จำหน่ายราคา 5 บาท อาทิ ยำยำ จัมโบ้ และไวไวใหญ่ เนื่องจากจำหน่ายราคาเดียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดปกติ คือ ขนาด 60 กรัม ราคา 5 บาท
แหล่งข่าวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยำยำ จัมโบ้ มีความโดดเด่นด้านภาพลักษณ์ โดยเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองใหญ่ หรือให้ในปริมาณที่มากกว่าบะหมี่แบรนด์อื่นๆ โดยปัจจุบันยำยำ จัมโบ้ เป็นสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 80% ที่เหลือ 20% เป็นสินค้าอื่นๆ และปีนี้ ยำยำ จัมโบ้ ทั้งปีตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10-15% ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การลดปริมาณลงขณะนี้บอร์ดของบริษัท ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างไร แต่ที่ผ่านมาเพื่อรองรับกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น บริษัทได้ลดต้นทุนการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลดการสูญเสียของสินค้าให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับการขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 บาท หรือจาก 5 บาท เป็น 6 บาท มีผลต่อกำลังการซื้อหรือไม่นั้น มีตัวแปรหลายอย่าง เพราะทุกวันนี้สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปมากมาย พฤติกรรมการบริโภคก็เปลี่ยนไป สินค้าที่สามารถบริโภคแทนกันก็มีมากมาย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ยอมรับว่า มีผลต่อพัฒนารสชาติใหม่ๆ แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ปัจจัยหลัก คือ การพัฒนารสชาติใหม่ๆ ที่ต้องตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 7% ส่วนผลประกอบการปีนี้โดยรวมของบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10-15%
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธาน บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมนำข้อมูลต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นชี้แจ้งกับกรมการค้าภายในอย่างละเอียดในวันที่ 15 ตุลาคม นี้ และวางแผนจะปรับราคาขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม นี้ หรืออาจจะรอเวลาอีก 1 เดือน เพื่อขึ้นราคาสินค้าวันที่ 1 มกราคม 2551 ทั้งนี้ คาดว่า หากมาม่ามีการปรับราคาขึ้น กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคู่แข่ง อาทิ ไวไว ยำยำ มีโอกาสที่จะปรับราคาบะหมี่ตาม มีสูง ขณะที่บะหมี่ซองใหญ่หากมีการปรับราคาอาจจะเพิ่มขึ้นจาก 5 บาท เป็น 6-7 บาท ส่วนหากกรณีการปรับลดขนาดลงนั้น จากปกติ 60 กรัม เหลือเป็น 50-55 กรัมนั้น บริษัทไม่มีนโยบาย เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคไม่อิ่มท้อง
ยำยำสงวนท่าทีปรับราคาขึ้น
แหล่งข่าวจากบริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า กรณีที่บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เตรียมยื่นข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตโดยละเอียดต่อกรมการค้าภายใน เพื่อขอปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าขึ้นราคาจาก 5 บาท เป็น 6 บาท เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่ปรับสูงขึ้นได้นั้น สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ขณะนี้บอร์ดของบริษัทไม่ได้มีแนวทางปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด โดยยังคงจำหน่ายราคาเดิม คือ ยำยำ จัมโบ้ ขนาด 70 กรัม ราคา 5 บาท
ทั้งนี้ หากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าปรับราคาขึ้นจาก 5 บาท เป็น 6 บาท คงต้องขึ้นอยู่กับบอร์ดของบริษัท ว่า จะมีนโยบายกำหนดราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นไปในทิศทางใด สำหรับต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นตามที่บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฯ แจ้ง โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แป้งสาลีต้นทุนเพิ่ม 60% น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น 50% ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชนิดซองใหญ่ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาด 70 กรัม จำหน่ายราคา 5 บาท อาทิ ยำยำ จัมโบ้ และไวไวใหญ่ เนื่องจากจำหน่ายราคาเดียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาดปกติ คือ ขนาด 60 กรัม ราคา 5 บาท
แหล่งข่าวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยำยำ จัมโบ้ มีความโดดเด่นด้านภาพลักษณ์ โดยเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองใหญ่ หรือให้ในปริมาณที่มากกว่าบะหมี่แบรนด์อื่นๆ โดยปัจจุบันยำยำ จัมโบ้ เป็นสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 80% ที่เหลือ 20% เป็นสินค้าอื่นๆ และปีนี้ ยำยำ จัมโบ้ ทั้งปีตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10-15% ทั้งนี้ แม้ว่าต้นทุนการผลิตสูงขึ้น การลดปริมาณลงขณะนี้บอร์ดของบริษัท ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างไร แต่ที่ผ่านมาเพื่อรองรับกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น บริษัทได้ลดต้นทุนการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลดการสูญเสียของสินค้าให้เหลือน้อยที่สุด
สำหรับการขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 บาท หรือจาก 5 บาท เป็น 6 บาท มีผลต่อกำลังการซื้อหรือไม่นั้น มีตัวแปรหลายอย่าง เพราะทุกวันนี้สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปมากมาย พฤติกรรมการบริโภคก็เปลี่ยนไป สินค้าที่สามารถบริโภคแทนกันก็มีมากมาย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ยอมรับว่า มีผลต่อพัฒนารสชาติใหม่ๆ แต่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ปัจจัยหลัก คือ การพัฒนารสชาติใหม่ๆ ที่ต้องตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด สำหรับตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 10,000 ล้านบาท ในปีนี้มีอัตราการเติบโต 7% ส่วนผลประกอบการปีนี้โดยรวมของบริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 10-15%