xs
xsm
sm
md
lg

“ฮอลิเดย์อินน์” ปรับทิศเจาะตลาดไมซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กลุ่มอินเตอร์คอนฯมั่นใจประเทศไทย ไปถึงฝันขึ้นศูนย์กลางธุรกิจและจัดประชุม โดดปั้นแบรนด์ ฮอลิเดย์อินน์ จับลูกค้าตลาดไมซ์  ประเดิม 2 โรงแรมใหญ่ ฮอลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ และ ฮอลิเดย์ อินน์ฯชะอำ ตั้งเป้าปีหน้าสัดส่วนลูกค้าไมซ์โตกว่า 20-30%

นายบรูซ  ไรด์  ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด  โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ ซึ่งอยู่ในเครือของกลุ่มโรงแรม อินเตอร์ คอนติเนนตัล เปิดเผยว่า ได้ทำแผนปรับโพซิชั่นนิ่งใหม่แก่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์  โดยมุ่งให้เป็นโรงแรมสำหรับจัดประชุมสัมมนา เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดจัดประชุมสัมมนา(ไมซ์) ในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจาก 2 โรงแรม ที่ทยอยปรับปรุง จะเริ่มรีลอนช์ครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมศกนี้ คือ โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ WHERE CULTURE & BUSINESS MEET และโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจ้นท์ บีช ชะอำ ภายใต้คอนเซปต์ WHERE BEACH & BOARDROOM MEET  ส่วนอีก 4 โรงแรมที่มีอยู่  โดยเฉพาะที่ สีลม และราชประสงค์ ก็จะทยอยปรับให้เป็นโรงแรมเพื่อรองรับตลาดไมซ์

สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ที่จะเข้ามาจัดสัมมนา ที่โรงแรมดังกล่าว จะมีทั้งกรุ๊ปสัมมนาในประเทศ และกรุ๊ปสัมมนาที่มาจากต่างประเทศ โดยเป้าหมายคือจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มสัมมนาอีก 20-30% ในปีหน้า ซึ่งปัจจุบัน เฉพาะโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจ้นท์ บีช ชะอำ มีลูกค้ากลุ่มสัมมนาประมาณ 50% ของลูกค้าที่เข้ามาพักตลอดทั้งปี ในที่นี้ กว่า 50% เป็นกรุ๊ปสัมมนาคนไทย ซึ่งปีหน้า ต้องการเพิ่มกรุ๊ปสัมมนา ให้เป็น60-70% ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้งหมด ส่วน ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อจากโรงแรมเชอราตัน เมื่อเดือน เมษายน ที่ผ่านมา มีลูกค้ากรุ๊ปสัมมนาประมาณ 20% ดังนั้นปีหน้า จะเพิ่มสัดส่วนเป็นไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด

จุดขายสำคัญ ที่จะนำเสนอ เพื่อจับตลาด คอปอเรท ในกลุ่ม จัดประชุมสัมมนา คือ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพัก และ ห้องจัดประชุมจัดเลี้ยง ที่จุคนได้จำนวนมาก โดย ฮอลิเดย์ อินน์ ฯชะอำ มีพื้นที่จัดงานสัมมนาได้มากถึง 5,000 ตารางเมตร ส่วน ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ มีห้องสัมมนากว่า 15 ห้อง จุคนได้กว่า 1,200 คน และทั้ง 2 โรงแรม ยังมีพื้นที่ว่างอีกจำนวนมาก สามารถจัดธีมปาร์ตี้แบบเอาท์ดอร์ ให้แก่กรุ๊ปสัมมนาได้

อย่างไรก็ตาม การปรับวางโพซิชั่นนิ่งโรงแรมเพื่อการจัดประชุมสัมนนาให้แก่แบรนด์ ฮอลิเดย์ อินน์ เพราะมั่นใจในศักยภาพและนโยบายของรัฐบาลไทย ที่ต้องการผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจและการจัดประชุมสัมมนาในกลุ่มประเทศอาเซียน และเอเชีย  ประกอบกับความเชื่อมั่นในด้านโลเกชั่นของประเทศไทย ว่าสามารถทำได้จริงตามนโยบาย  นอกจากนั้นยังถือเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจให้แก่เจ้าของธุรกิจ เพราะตลาดประชุมสัมมนาหรือไมซ์ สามารถเดินทางได้ตลอดทั้งปีแม้ในช่วงโลว์ซีซั่น

จากตัวเลขที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) มีแจ้งว่า ตลาดไมซ์ของประเทศไทย มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30% และยังคงเติบโตต่อเนื่อง  โดยปี 2549 มีนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มาเพื่อประชุมสัมมนามากถึง 677,500 คน เพิ่มโตจากปีก่อนห้า 22%  สร้างรายได้เข้าประเทศ 46,747 ล้านบาท  สำหรับปีนี้คือปี 2550 คาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย มากถึง 797,000 คน เติบโต18% สร้างรายได้ 54,993 ล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวัน สูงกว่านักท่องเที่ยวปกติ หรือคิดเป็นประมาณ 10,000 บาทต่อคนต่อวัน

“การชะลอตัวของตลาดไมซ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ เรามองว่าเป็นเพียงระยะสั้น จากปัจจัยลบ เช่น เรื่องค่าเงินบาทแข็ง และ สถานการณ์ณ์ทางการเมือง และ ทางกลุ่มโรงแรมเรามั่นใจว่าหลังเลือกตั้งประเทศไทย ยังมีศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมไมซ์ที่จะต้องเติบโตต่อเนื่อง แน่นอน”

ทางด้านนาย อลัน  วัตตส์  ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ กล่าวว่า  ประเทศที่เข้ามาจัดสัมมนาที่เชียงใหม่ ที่ขยายตัวมาก คือ อินเดีย เพราะเดินทางใกล้ และค่าใช้จ่ายถูกกว่า เมื่อเทียบกับจัดในประเทศอินเดีย  นอกจากนั้นตลาดเกาหลี ก็เริ่มมีอนาคตสดใส เพราะค่าใช้จ่ายที่ถูก ประกอบกับเดินทางสะดวก เพราะ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีไดเร็กไฟล์ท จากประเทศเกาหลีมาลงที่สนามบินเชียงใหม่  
กำลังโหลดความคิดเห็น