หากมองย้อนอดีตการทำงานของผู้หญิงที่ชื่อ "กรรณิการ์ วีระพงษ์" ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต มีความน่าสนใจอยู่ตรงที่ เธอมักจะได้รับหน้าที่เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจใหม่ๆเสมอ และที่สำคัญเป็นธุรกิจต่างประเทศที่มีแบรนด์อันแข็งแกร่งด้วยตลอดมา
หลังจากที่ศึกษาจบคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบเอ็มบีเอที่อเมริกา ก็มาเริ่มงานที่ บริษัท ดิคสัน จำกัด ในไทยที่ทำเสื้อโปโลในไทย ของสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ต่อมาภายหลังบริษัทนี้ได้รับสิทธิ์ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ เธอจึงได้รับมอบหมายจากสุทธิธรรมให้มาดูแลบุกเบิกเป็นรุ่นแรก กระทั่งผ่านไป 4 ปี ก็ตัดสินใจลาออก เพราะเหตุผลที่ว่า "ทำจนสตาร์บัคส์เป็นที่รู้จักของคนไทย และติดตลาดแล้ว"
จากนั้นก็ไปร่วมงานกับโรงแรมเพนนินซูล่าประมาณ 2 ปี ก่อนไปร่วมงานกับร้านโอบองแปง ซึ่งมีกาแฟด้วย แต่หน้าที่ของเธอนอกจากดูแลด้านการตลดาแล้ะยังต้องต้องพยายามที่จะตอกย้ำตำแหน่งทางการตลาดของโอบองแปงให้ได้ว่าเป็นร้านที่มีจุดแข็งชัดเจนในเรื่องเบเกอรี่และขนมปังเป็นหลัก จนทำให้สามารถสร้างการรับรู้ในตัวผู้บริโภคได้ก็ถือว่าสำเร็จกับหน้าที่นั้น กับระยะเวลา 3 ปีที่ทำกับโอบองแปง
ล่าสุดกับการรับงานช้างอีกครั้งกับเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในการปั้นแบรนด์ร้านกาแฟ เซกาเฟรโด ซาเนตติ เอสเพรสโซ จากอิตาลี ซึ่งช่วง 2 ปีแรกตั้งงบประมาณลงทุนไว้ประมาณ 80 ล้านบาท ขณะนี้เปิดแล้ว 3 สาขา ตั้งเป้าเปิดครบ 15 สาขาในปีหน้า ท่ามกลางร้านกาแฟที่ผุดราวดอกเห็ดในเมืองไทยเวลานี้
"เรามองว่าไม่ช้าเกินไปที่เราเพิ่งเข้าตลาดกาแฟเมืองไทย เพราะเราอาศัยจุดเด่นตรงที่เป็นร้านกาแฟเชนจากอิตาลีที่เต็มรูปแบบในไทยรายแรก เรามีความครบวงจร มีโรงงานคั่วเมล็ดกาแฟ 10 แห่ง ในอิตาลี ออสเตรีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ บราซิล ฟินแลนด์ อเมริกา ผลิตได้มากถึง 130,000 ตันต่อปี ตอนนี้เซกาเฟรโดมีสาขามากกว่า 600 แห่งทั่วโลก" กรรณิการ์กล่าวอย่างมั่นใจการบริหารร้านกาแฟหลายแบรนด์ก็มีทั้งข้อเหมือนและข้อแตกต่างกัน แต่กรรณิการ์ย้ำว่า
"คีย์ซัสเซสของการทำร้านกาแฟ คือ ตัวผลิตภัณฑ์และการบริการ ซึ่งเซกาเฟรโดมีจุดเด่นตรงที่มีแหล่งปลูกกาแฟเป็นของตัวเองอีกทั้งยังมีโรงบด อุปกรณ์และเครื่องผลิตกาแฟทุกอย่าง ที่กระจายอยู่ในต่างประเทศ จึงมั่นใจว่ากาแฟของเซกาเฟรโดไม่แพ้ที่อื่นแน่นอน
ที่เซกาเฟรโด กรรณิการ์จึงต้องสวมบทบาทในการเป็นผู้บุกเบิกและปลุกปั้น ธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มเซ็นทรัลอีกครั้ง หลังจากที่ได้แสดงฝีมือไปแล้วกับแบรนด์สตาร์บัคส์และโอบองแปง