xs
xsm
sm
md
lg

แอ๊ดด้าแตะเบรกสินค้าเสื้อผ้า มุ่งตลาดรองเท้าขยายส่งออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แอ๊ดด้า เหยียบเบรค ชะลอทำตลาดกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น เหตุสู้สงครามราคาไม่ไหว หลังทำตลาดมาแค่ 2 ปี ไว้รอตั้งหลักใหม่ โฟกัสมุ่งตลาดรองเท้าเป็นหลัก ออกคอลเลคชั่นใหม่เน้นดีไซน์กระตุ้นตลาด เพิ่มตลาดส่งออก หวังเติบโต 10%

นายกวี พฤกษาพรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แอ๊ดด้า (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตรองเท้าลำลองสำเร็จรูป เสื้อผ้าแฟชั่น ภายใต้แบรนด์ แอ๊ดด้า เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯต้องชะลอการทำตลาดกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่น เนื่องจากการทำตลาดยากมากขึ้น คู่แข่งในตลาดมีมากต่างก็เล่นสงครามราคา โปรโมชั่นต่างๆ อีกทั้งแบรนด์ที่มีอยู่ในตลาดแมสมีคู่แข่งอยู่มาก และการรับรู้กลุ่มลูกค้าสำหรับแบรนด์แอ๊ดด้ายังไม่มากพอตลอดระยะเวลาที่ทำตลาดมากว่า 2 ปี

ทั้งนี้บริษัทฯไม่สามารถหั่นราคาลงมาแข่งขันได้ เพราะระดับสินค้าตั้งไว้เหมาะสมแล้ว จึงปรับแผนให้ความสำคัญกับกลุ่มรองเท้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อทดแทนกลุ่มสินค้าแฟชั่น

สำหรับการทำตลาดกลุ่มรองเท้าภายหลังจากที่ได้นำสินค้าเข้ามาทำตลาด 6 ปีก่อน นับจากนี้บริษัทฯจะเน้นดีไซน์เข้ามาแข่งในตลาด ฉีกหนีความจำเจในตลาดรองเท้าที่ในปัจจุบันมีรูปแบบที่ซ้ำซ้อนกัน โดยเบื้องต้นได้จัดกิจกรรมประกวดโครงการการออกแบบรองเท้าในโครงการ “ADDA Design contest For Trendy LifeStyle” โดยเน้นกิจกรรมไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักศึกษาควบคู่กับการสร้างความเข้าใจและจดจำแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้น

การทำกิจกรรมดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นการสร้างการจดจำแบรนด์และดึงดูดความสนใจของลูกค้ายิ่งขึ้น หลังจากที่แบรนด์ แอ๊ดด้า ไม่ได้มุ่งเน้นการทำตลาดมากว่า 2 ปี อาจมีที่ทำแต่ไม่ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเหมือนปีนี้ ที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าจะมีหลายกลุ่มและไม่ชัดเจนมากแต่ปีนี้การทำตลาดจะเจาะตามกลุ่มเช่น โปรดักซ์ที่มี 1. กลุ่มอายุ 35 ขึ้นไปจะเป็นกลุ่มรองเท้าหนัง ราคา 200-300 บาท 2.รองเท้าลำลอง เจาะวัยรุ่น มหาวิทยาลัย มัธยม ราคาขาย 100 -200 บาท 3.กลุ่มเด็ก ที่นำลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์จากดิสนีย์มาใช้เป็นลวดลาย ราคา 100-150 บาท

“ถึงแม้ว่าการแข่งขันในตลาดจะมีความยากและเข้มข้นมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจการเมืองโดยรวมส่งผลกระทบโดยตรง ภาพรวมในตลาดปีนี้มีการเติบโตที่หล่นลงถึง 10 -15% จากมูลค่าตลาดรวม 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะพอสมควร ทั้งนี้บริษัทฯเองในฐานะผู้นำตลาด ที่ครองส่วนแบ่งได้กว่า 35 -40% จำเป็นต้องหาอะไรใหม่ เข้ามากระตุ้นตลาดเพื่อสร้างความหลากหลายให้ได้มากที่สุด”

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการส่งออกพร้อมกับการทำตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศที่ส่งออกจะมีประเทศจีน เวียดนาม พม่า เกาหลี อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ โดยการตลาดจะเป็นการแต่งตั้งดีลเลอร์ในแต่ละประเทศที่ได้กล่าวมา ซึ่งทั้งนี้ประเทศที่มีการเติบโตมากที่สุดจะเป็นอินเดีย เวียดนาม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังเชื่อมั่นว่าจากการโฟกัสการทำตลาดที่เพิ่มขึ้น ผสมผสานกับการออกดีไซน์ใหม่มาสร้างสีสันใหม่ให้ตลาด เชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ 8- 10% แบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายในประเทศ 90% และตลาดส่งออกอีก 10%
กำลังโหลดความคิดเห็น