กย.15 รุกหนักในรอบ 2 ปี อาศัยหน้าฝนฤดูกาลขายสินค้า อัดฉีดกว่า 20 ล้านบาท ส่งสูตรใหม่”เฟรช บลอสซั่ม” ทะลวงกลุ่มครอบครัว ควักเซเลบริตี้ครอบครัว”นุ่น-รุ้งทอง” สร้างการรับรู้ในวงกว้าง รับมือตลาดแข่งดุผู้เล่นหน้าใหม่พาเหรดบูมตลาดโตพรวด 15% หวังรักษาบัลลังก์ผู้นำตลาดยาทากันยุงครองแชร์เพิ่มจาก 60% เป็น 70%
นางสุวรรณดา ตัณฑวณิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แมส มาร์เกตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายยากันยุงกย.15 เปิดเผยกับ”ผู้จัดการรายวัน”ว่า นโยบายการตลาดยากันยุงกย.15 บริษัทวางแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวสูตรใหม่ เฟรช บลอสซั่ม ซึ่งเป็นการเปิดตัวและทำตลาดในเชิงรุกในรอบ 2 ปี ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว สามารถใช้ได้ทั้งเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปกระทั่งผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ จากเดิมกย.15 สูตรดั้งเดิม เจาะกลุ่มผู้ชายเป็นหลัก ส่วนสูตรมิ้ลค์กี้ โลชัน สูตรอ่อนละมุน เจาะกลุ่มยูนิเซ็กซ์หรือทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย
“กย.15 ดำเนินการตลาด 30 ปี แล้ว เราเป็นผู้ทำตลาดรายแรกที่ผลิตยากันยุงชนิดทาลงสู่ตลาด โดยปัจจุบันบริษัทไม่ได้มีการปรับโพซิชันนิง แต่ในช่วงเริ่มทำตลาด กย.15 สูตรดั้งเดิม สื่อสารในเรื่องของการเข้าค่าย ฐานลูกค้าหลักจึงมาจากผู้ชายถึง 80-90% ส่วนผู้หญิงมีเพียง 20% เท่านั้น ดังนั้นจึงออกสูตรเพื่อขยายฐานกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวสูตรอ่อนละมุน ส่งผลให้ฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเพิ่มขึ้นเป็น 30% ส่วนผู้ชายเหลือเป็น 70%”
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบตลาดสูตรใหม่กว่า 20 ล้านบาท จากปีที่แล้วใช้ราว 15 ล้านบาท นำร่องด้วยการนำครอบครัว”นุ่น-รุ้งทอง ร่วมทอง” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของสินค้าที่นำพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาใช้ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และสื่อสารถึงผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ทั้งเด็กกระทั่งถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ อีกทั้งบริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรม ณ จุดขายต่างๆ ตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าอย่างครบวงจร เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น จากการที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด
“ที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนหนึ่ง ไม่กล้าทายากันยุง ดังนั้นบริษัทจึงได้พัฒนาสูตรอ่อนละมุนขึ้นมา แต่จากการสำรวจพบว่า ยังมีผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องของกลิ่น ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัว กย.15 สูตรใหม่เฟรช บลอสซั่ม ซึ่งพัฒนาให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น อีกทั้งยังออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย โดยมีทั้งชนิดขวดและชนิดซอง”
แนวโน้มตลาดยาทากันยุงมูลค่า 100 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดมีอัตราการเติบโต มาจากผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ พีเจ้นท์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน เป็นต้น โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักมาโดยตลอด เมื่อเทียบกับใน 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว เนื่องจากมีผู้เล่นน้อยรายตลาดจึงมีอัตราการเติบโต 5-10%
“ในช่วงหน้าฝน ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลขายของยากันยุง สภาพตลาดจะมีอัตราการเติบโตมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ภาครัฐออกมารณรงค์เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก และการเกิดโรคไข้เลือดออกระบาด ตลาดก็จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าปกติ”
นางสุวรรณดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนแผนการพัฒนายากันยุงสำหรับเด็ก ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผน เนื่องจากมองว่าตลาดยากันยุงสำหรับเด็กยังเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก อีกทั้งสินค้าของบริษัทที่มีอยู่เด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้ ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่านั้นปกติจะได้รับการป้องกันที่ดีจากพ่อแม่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามจากการรุกตลาดคาดว่าจะผลักดันให้กย.15 ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่งเพิ่มจาก 60% เป็น 70% จากตลาดทากันยุงมูลค่า 100 ล้านบาท
นางสุวรรณดา ตัณฑวณิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แมส มาร์เกตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายยากันยุงกย.15 เปิดเผยกับ”ผู้จัดการรายวัน”ว่า นโยบายการตลาดยากันยุงกย.15 บริษัทวางแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัวสูตรใหม่ เฟรช บลอสซั่ม ซึ่งเป็นการเปิดตัวและทำตลาดในเชิงรุกในรอบ 2 ปี ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัว สามารถใช้ได้ทั้งเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปกระทั่งผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ จากเดิมกย.15 สูตรดั้งเดิม เจาะกลุ่มผู้ชายเป็นหลัก ส่วนสูตรมิ้ลค์กี้ โลชัน สูตรอ่อนละมุน เจาะกลุ่มยูนิเซ็กซ์หรือทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย
“กย.15 ดำเนินการตลาด 30 ปี แล้ว เราเป็นผู้ทำตลาดรายแรกที่ผลิตยากันยุงชนิดทาลงสู่ตลาด โดยปัจจุบันบริษัทไม่ได้มีการปรับโพซิชันนิง แต่ในช่วงเริ่มทำตลาด กย.15 สูตรดั้งเดิม สื่อสารในเรื่องของการเข้าค่าย ฐานลูกค้าหลักจึงมาจากผู้ชายถึง 80-90% ส่วนผู้หญิงมีเพียง 20% เท่านั้น ดังนั้นจึงออกสูตรเพื่อขยายฐานกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดตัวสูตรอ่อนละมุน ส่งผลให้ฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเพิ่มขึ้นเป็น 30% ส่วนผู้ชายเหลือเป็น 70%”
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบตลาดสูตรใหม่กว่า 20 ล้านบาท จากปีที่แล้วใช้ราว 15 ล้านบาท นำร่องด้วยการนำครอบครัว”นุ่น-รุ้งทอง ร่วมทอง” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของสินค้าที่นำพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงมาใช้ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และสื่อสารถึงผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว ทั้งเด็กกระทั่งถึงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ อีกทั้งบริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรม ณ จุดขายต่างๆ ตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าอย่างครบวงจร เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่มีความรุนแรงมากขึ้น จากการที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด
“ที่ผ่านมาผู้บริโภคส่วนหนึ่ง ไม่กล้าทายากันยุง ดังนั้นบริษัทจึงได้พัฒนาสูตรอ่อนละมุนขึ้นมา แต่จากการสำรวจพบว่า ยังมีผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน ต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์ในเรื่องของกลิ่น ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัว กย.15 สูตรใหม่เฟรช บลอสซั่ม ซึ่งพัฒนาให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น อีกทั้งยังออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย โดยมีทั้งชนิดขวดและชนิดซอง”
แนวโน้มตลาดยาทากันยุงมูลค่า 100 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 15% ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ตลาดมีอัตราการเติบโต มาจากผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาทำตลาด อาทิ พีเจ้นท์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน เป็นต้น โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักมาโดยตลอด เมื่อเทียบกับใน 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว เนื่องจากมีผู้เล่นน้อยรายตลาดจึงมีอัตราการเติบโต 5-10%
“ในช่วงหน้าฝน ซึ่งถือว่าเป็นฤดูกาลขายของยากันยุง สภาพตลาดจะมีอัตราการเติบโตมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ภาครัฐออกมารณรงค์เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก และการเกิดโรคไข้เลือดออกระบาด ตลาดก็จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าปกติ”
นางสุวรรณดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนแผนการพัฒนายากันยุงสำหรับเด็ก ขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผน เนื่องจากมองว่าตลาดยากันยุงสำหรับเด็กยังเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก อีกทั้งสินค้าของบริษัทที่มีอยู่เด็กอายุ 4 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้ ส่วนเด็กที่มีอายุต่ำกว่านั้นปกติจะได้รับการป้องกันที่ดีจากพ่อแม่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามจากการรุกตลาดคาดว่าจะผลักดันให้กย.15 ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่งเพิ่มจาก 60% เป็น 70% จากตลาดทากันยุงมูลค่า 100 ล้านบาท