กลุ่มทุนอีเวนต์ผุดบริษัทใหม่ มั่งมีศรีสุข ลุยธุรกิจค้าปลีก โฟกัส คอมมูนิตี้มอลล์ คาดปีนี้ทุ่มงบลงทุนเฉียด 400 ล้านบาท ประเดิมเปิดบริการ ปาร์คพลาซ่า โครงการแรกแล้วมูลค่า 30 ล้านบาท ที่สี่แยกเหม่งจ๋าย จ่อคิวอีก 2 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 340 ล้านบาท ที่รามคำแหงและบริเวณใกล้ทาวน์อินทาวน์ เผยจีบพันธมิตรใหญ่ค่ายเทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรสและท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว
นายเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ จ๊อบ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของตลาดค้าปลีกในรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์หรือไลฟ์สไตล์มอลล์ที่เป็นค้าปลีกหรือพลาซ่าขนาดกลางที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างมากในอนาคตในตลาดเมืองไทย ซึ่งสอดรับกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่เปลี่ยนไป ไม่แพ้ค้าปลีกประเภทศูนย์การค้าขนาดใหญ่ หรือดิสเคานท์สโตร์ ซึ่งทุกรูปแบนนั้นถือว่าเป็นตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันและมีจุดขายที่ตางกันด้วย
“พฤติกรรมผู้บริโภคสมัยนี้เปลี่ยนไปมาก บางครั้งไม่จำเป็นต้องไปเดินศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ซึ่งคนมาก ที่จอดรถก็น้อย และไกลบ้าน เสียเวลา แต่ปัจจุบันบางครั้งผู้บริโภคต้องการอะไรที่เป็นสัดส่วน อยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก แต่มีสินค้าและบริการตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดเด่นของไลฟ์สไตล์มอลล์หรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการตรงนี้ได้”
ทั้งนี้บริษัทฯจึงได้ก่อตั้งบริษัท มั่งมีศรีสุข จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้ลงทุนและดำเนินการโครงการประเภทคอมมูนิตี้มอลล์โดยเฉพาะ หลังจากที่ผ่านมาธุรกิจหลักของกลุ่มจะทำทางด้านมีเดียและรับจัดอีเวนท์
โดยโครงการแรกที่ได้พัฒนาและเพิ่งเปิดบริการไปแล้วเมื่อต้นปีนี้คือ โครงการ ปาร์คพลาซ่า ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกเหม่งจ๋าย เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร พื้นที่รวม 2 ไร่ครึ่ง มีร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำหลายรายมาเปิดร้านค้าในโครงการของเรา เช่น ร้านกาแฟโซเวนเต้ ร้านกระต๊ากสยาม ร้านโชคดีติ่มซำ ร้านวิคทอเรียเบเกอรี่ สถาบันการศึกษาคุมอง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพันธมิตรรายใหญ่คือ เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส มาเปิดบริการด้วย ซึ่งโครงการแรกนี้ลงทุนไปประมาณ 30-40 ล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาโครงการปาร์คพลาซ่าต่อในอนาคตนั้น มีต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลและขนาดพื้นที่ที่ได้มา ซึ่งจะมีทั้งสองแบบคือ การนำที่ดินของกลุ่มเองมาพัฒนากับการเช่าที่ดินระยะยาวจากเจ้าของพื้นที่ หรือแม้แต่การร่วมทุนกันพัฒนาโครงการด้วยกัน
โครงการใหม่ของปาร์คพลาซ่าที่อยู่ระหว่างการเตรียมการคือ บริเวณถนนรามคำแหง เป็นพื้นที่เช่าระยะยาว 30 ปีจากเจ้าของที่เป็นเอกชน รวมพื้นที่จำนวน 9 ไร่ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าโครงการแรกมาก ซึ่งจะพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นยิ่งกว่าโครงการแรก ส่วนพันธมิตรที่จะ เปิดร้านค้านั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสมและการพิจารณาของแต่ละราย ส่วนพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นคาดว่าจะเป็นท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้
ส่วนโครงการต่อไปนั้นอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของที่ดินอยู่เช่นกัน ซึ่งเสนอมาประมาณ 2 ไร่ อยู่ใกล้ๆกับทาวน์อินทาวน์ พื้นที่คาดว่าจะมีประมาณ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งโครงการนี้จะมีพันธมิตรรายใหญ่คือ เอาท์เลทมอลล์ มาเปิดสาขาที่นี่ด้วย สำหรับสาขานี้ลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
“การพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์นี้ พื้นที่ที่มีความเหมาะสม ผมคิดว่าอยู่ขนาดประมาณ 3,000 ตารางเมตรดีที่สุด และมีความสูงเฉลี่ย 2-3 ชั้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การเดินเที่ยวซื้อของมีความคล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องในระยะยาว ตามทำเลต่างๆกระจายไปในวงกว้าง ซึ่งเฉพาะปีนี้หากลงทุนได้ครบทั้ง 3 โครงการแล้วก็คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทแล้ว” นายเอธัสกล่าว
โดยรายได้หลักจะมาจากค่าเช่าและค่าเซ้ง โดยคาดว่า จะมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 500,000 – 1,000,000 บาทต่อเดือนต่อ 3 ,000 ตารางเมตร ซึ่งหากในอนาคตบริษัทฯมีโครงการมากขึ้น ก็จะมีพื้นที่บริหารมากขึ้น ส่งผลต่อรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มมั่งมีศรืสุขก็เป็นผู้พัฒนาโครงการสนามหลวง 2 บริเวณพุทธมณทล มีพื้นที่ประมาณ 90 ไร่ มีแผงค้าขายประมาณ 6,000 แผง เช่าพื้นที่ระยะยาวจากเอกชน 30 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ เปิดบริการมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยส่วนใหญ่จะเปิดโอกาสให้กับร้านค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาเปิดร้านค้า และมีพันธมิตรรายใหญ่เช่น ร้านอมรอีเล็คทริคส์ มาเปิดบริการด้วย โดยจะเจาะลูกค้าที่มีระดับรายได้ ซีบวกถึงเอ
นายเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ จ๊อบ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์ เปิดเผยว่า จากแนวโน้มของตลาดค้าปลีกในรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์หรือไลฟ์สไตล์มอลล์ที่เป็นค้าปลีกหรือพลาซ่าขนาดกลางที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตอย่างมากในอนาคตในตลาดเมืองไทย ซึ่งสอดรับกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่เปลี่ยนไป ไม่แพ้ค้าปลีกประเภทศูนย์การค้าขนาดใหญ่ หรือดิสเคานท์สโตร์ ซึ่งทุกรูปแบนนั้นถือว่าเป็นตลาดที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันและมีจุดขายที่ตางกันด้วย
“พฤติกรรมผู้บริโภคสมัยนี้เปลี่ยนไปมาก บางครั้งไม่จำเป็นต้องไปเดินศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ซึ่งคนมาก ที่จอดรถก็น้อย และไกลบ้าน เสียเวลา แต่ปัจจุบันบางครั้งผู้บริโภคต้องการอะไรที่เป็นสัดส่วน อยู่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก แต่มีสินค้าและบริการตอบสนองการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดเด่นของไลฟ์สไตล์มอลล์หรือคอมมูนิตี้มอลล์ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการตรงนี้ได้”
ทั้งนี้บริษัทฯจึงได้ก่อตั้งบริษัท มั่งมีศรีสุข จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้ลงทุนและดำเนินการโครงการประเภทคอมมูนิตี้มอลล์โดยเฉพาะ หลังจากที่ผ่านมาธุรกิจหลักของกลุ่มจะทำทางด้านมีเดียและรับจัดอีเวนท์
โดยโครงการแรกที่ได้พัฒนาและเพิ่งเปิดบริการไปแล้วเมื่อต้นปีนี้คือ โครงการ ปาร์คพลาซ่า ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกเหม่งจ๋าย เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร พื้นที่รวม 2 ไร่ครึ่ง มีร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำหลายรายมาเปิดร้านค้าในโครงการของเรา เช่น ร้านกาแฟโซเวนเต้ ร้านกระต๊ากสยาม ร้านโชคดีติ่มซำ ร้านวิคทอเรียเบเกอรี่ สถาบันการศึกษาคุมอง เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพันธมิตรรายใหญ่คือ เทสโก้โลตัสเอ็กซ์เพรส มาเปิดบริการด้วย ซึ่งโครงการแรกนี้ลงทุนไปประมาณ 30-40 ล้านบาท
สำหรับแผนพัฒนาโครงการปาร์คพลาซ่าต่อในอนาคตนั้น มีต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลและขนาดพื้นที่ที่ได้มา ซึ่งจะมีทั้งสองแบบคือ การนำที่ดินของกลุ่มเองมาพัฒนากับการเช่าที่ดินระยะยาวจากเจ้าของพื้นที่ หรือแม้แต่การร่วมทุนกันพัฒนาโครงการด้วยกัน
โครงการใหม่ของปาร์คพลาซ่าที่อยู่ระหว่างการเตรียมการคือ บริเวณถนนรามคำแหง เป็นพื้นที่เช่าระยะยาว 30 ปีจากเจ้าของที่เป็นเอกชน รวมพื้นที่จำนวน 9 ไร่ ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าโครงการแรกมาก ซึ่งจะพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นยิ่งกว่าโครงการแรก ส่วนพันธมิตรที่จะ เปิดร้านค้านั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสมและการพิจารณาของแต่ละราย ส่วนพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นคาดว่าจะเป็นท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้
ส่วนโครงการต่อไปนั้นอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าของที่ดินอยู่เช่นกัน ซึ่งเสนอมาประมาณ 2 ไร่ อยู่ใกล้ๆกับทาวน์อินทาวน์ พื้นที่คาดว่าจะมีประมาณ 3,000 ตารางเมตร ซึ่งโครงการนี้จะมีพันธมิตรรายใหญ่คือ เอาท์เลทมอลล์ มาเปิดสาขาที่นี่ด้วย สำหรับสาขานี้ลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท
“การพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์นี้ พื้นที่ที่มีความเหมาะสม ผมคิดว่าอยู่ขนาดประมาณ 3,000 ตารางเมตรดีที่สุด และมีความสูงเฉลี่ย 2-3 ชั้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้การเดินเที่ยวซื้อของมีความคล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องในระยะยาว ตามทำเลต่างๆกระจายไปในวงกว้าง ซึ่งเฉพาะปีนี้หากลงทุนได้ครบทั้ง 3 โครงการแล้วก็คิดเป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาทแล้ว” นายเอธัสกล่าว
โดยรายได้หลักจะมาจากค่าเช่าและค่าเซ้ง โดยคาดว่า จะมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 500,000 – 1,000,000 บาทต่อเดือนต่อ 3 ,000 ตารางเมตร ซึ่งหากในอนาคตบริษัทฯมีโครงการมากขึ้น ก็จะมีพื้นที่บริหารมากขึ้น ส่งผลต่อรายได้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มมั่งมีศรืสุขก็เป็นผู้พัฒนาโครงการสนามหลวง 2 บริเวณพุทธมณทล มีพื้นที่ประมาณ 90 ไร่ มีแผงค้าขายประมาณ 6,000 แผง เช่าพื้นที่ระยะยาวจากเอกชน 30 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ เปิดบริการมาแล้วประมาณ 2 ปี โดยส่วนใหญ่จะเปิดโอกาสให้กับร้านค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมาเปิดร้านค้า และมีพันธมิตรรายใหญ่เช่น ร้านอมรอีเล็คทริคส์ มาเปิดบริการด้วย โดยจะเจาะลูกค้าที่มีระดับรายได้ ซีบวกถึงเอ