ดรีมเอกซ์เพรสยิ้มออก คาแรคเตอร์ญี่ปุ่นยังมาแรง ครึ่งปีแรกโต 12% เปิดตัวลิขสิทธิ์ใหม่ มาสค์ไรเดอร์ ฮิบิกิ ซีรี่ส์ที่ 4 คว้าสิทธิ์ทั้งโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์และเมอร์ชันไดส์ เผย 7 พันธมิตรคว้าสิทธิ์ผลิตสินค้า คาดรายได้เฉพาะเมอร์ชันไดส์ปีนี้ 10 ล้านบาท ส่งผลต่อทั้งปีบริษัทฯโต 12%
นางพนิดา สกุลพานิช ผู้อำนวยการาฝ่ายการตลาด บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส จำกัด หรือเด็กซ์ ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ คาแรคเตอร์ มาสค์ไรเดอร์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีอัตราการเติบโตประมาณ 12% เนื่องจากการทำตลาดเต็มที่และการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตโดยรวมของบริษัทฯไว้ที่ 12%
ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดคาแรคเตอร์ มาสค์ไรเดอร์ ต่อเนื่องอีกเป็นปีที่ 4 แล้ว ล่าสุดได้เปิดตัวลิขสิทธิ์มาสค์ไรเดอร์ ฮิบิกิ ซีรี่ส์ที่ 6 ในเมืองไทย หลังจากที่ทำมาก่อนหน้านี้แล้วคือ มาสค์ไรเดอร์ริวคิ, ไฟท์ , เบลด ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยบริษัทฯได้รับลิขสิทธิ์ทั้งโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์และเมอร์ชันไดส์
สำหรับ โฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์นั้น ได้เริ่มออกอากาศภาพยนตร์มาสค์ไรเดอร์ฮิบิกิไปแล้วเมื่อเดือนกรกฏาคมทางช่องทีไอทีวี วันอาทิตย์ เวลา 08.00-08.30 น. มีความยาว 50 ตอน นอกจากนั้นก็มีวีซีดี ดีวีดี วางจำหน่าย โดยมอบหมายให้ทางบริษัท พีรามิด จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ และมีวางจำหน่ายที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วย
ส่วนตลาดเมอร์ชันไดส์ก็ได้เจรจากับพันธมิตรเพื่อรับสิทธิ์ในการนำคาแรคเตอร์ไปผลิตแล้วจำนวนมากเช่น บริษัท บีบูนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสิทธิ์ผลิตเสื้อผ้า , บริษัท เฟิร์สทดรีม จำกัด รับสิทธิ์ผลิตชุดว่ายน้ำ, บริษัท บีเคแอล จำกัด รับสิทธิ์ผลิตสเตชั่นเนอรี่, บริษัท วันเดอร์ทอย จำกัด รับสิทธิ์ผลิต ตุ๊กตาเป่าลม, บริษัท โปรมีเดียกิ๊ฟท์ จำกัด รับสิทธิ์ผลิตกระเป๋าและสินค้ากี๊ฟท์ชอป, บริษัท ทีเอสพี เทรดดิ้ง จำกัด รับสิทธิ์ผลิตรองเท้า, บริษัท ดรีมทอยส์ รับสิทธิ์ผลิตของเล่น โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายในส่วนของลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ประมาณ 10 ล้านบาท
“มาสค์ไรเดอร์ 3 ซีรี่ส์แรกเราก็ยังคงทำตลาดอยู่ต่อเนื่อง ส่วนตัวใหม่นี้ก็มาแรง โดยเราตั้งงบการตลาดรวมไว้ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากพอสมควร” นางพนิดากล่าว
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯหลักๆมจาก มาสค์ไรเดอร์มากกว่า 30% หรือประมาณ 20 ล้านบาท นอกจากนั้นก็จะมีรายได้จากสินค้าคาแรคเตอร์อื่นเช่น กันดั้ม ดราก้อนบอล เป็นต้น จากรายได้รวมของบริษัทฯปีที่แล้วที่มีประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 10-15%
นายวิเชียร นายวิเชียร หวังวีรวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ มาสค์ไรเดอร์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขายลิขสิทธิ์การ์ตูนในปัจจุบันนั้น ตลาดคาร์แรกเตอร์ญี่ปุ่นยังถือเป็นกลุ่มที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด เนื่องจากพ่อแม่ในยุคนี้มีความประทับใจกับการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ประกอบกับวัฒนธรรมทางเอเชียที่ใกล้เคียงกันทำให้เด็กไทยเข้าถึงการ์ตูนญี่ปุ่นได้ง่ายกว่า ส่งผลให้แนวโน้มตลาด สินค้าลิขสิทธิ์ได้รับความสนใจและการพัฒนาทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และผู้บริโภค ซึ่งสินค้าไม่มีลิขสิทธิ์น่าจะค่อยๆหายไปจากตลาดเมืองไทยได้ในอัตราที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหน่วยงานภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญกับการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้อย่างจริงจัง และยังมีโครงการรณรงค์ให้คนไทยใช้สินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องอย่างที่เห็นในปัจจุบันท่ามกลางการสนับสนุนของภาคเอกชน
ในส่วนนโยบายการขายลิขสิทธิ์ของมาสค์ไรเดอร์ ฮิบิกิ นั้น นายวิเชียรกล่าวว่า เราไม่ได้เลือกลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่เราเลือกลูกค้าที่มีความภักดี (Royalty) กับมาสค์ไรเดอร์ โดยใช้ลิขสิทธิ์เพื่อผลิตสินค้าเด็กประเภทต่างๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายปี และพร้อมที่จะทำตลาดไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผลดีคือ ลูกค้าเองมีความเข้าใจตลาดลึกซึ้งขึ้น มีการเติบโตไปกับผลิตสินค้าลิขสิทธิ์มาสค์ไรเดอร์ และมาตรฐานของสินค้าก็สูงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นหมวดสินค้าเสื้อผ้า เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ชุดว่ายน้ำ กระเป๋าและหมวดอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
นางพนิดา สกุลพานิช ผู้อำนวยการาฝ่ายการตลาด บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส จำกัด หรือเด็กซ์ ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ คาแรคเตอร์ มาสค์ไรเดอร์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯมีอัตราการเติบโตประมาณ 12% เนื่องจากการทำตลาดเต็มที่และการออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตโดยรวมของบริษัทฯไว้ที่ 12%
ในปีนี้บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดคาแรคเตอร์ มาสค์ไรเดอร์ ต่อเนื่องอีกเป็นปีที่ 4 แล้ว ล่าสุดได้เปิดตัวลิขสิทธิ์มาสค์ไรเดอร์ ฮิบิกิ ซีรี่ส์ที่ 6 ในเมืองไทย หลังจากที่ทำมาก่อนหน้านี้แล้วคือ มาสค์ไรเดอร์ริวคิ, ไฟท์ , เบลด ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี โดยบริษัทฯได้รับลิขสิทธิ์ทั้งโฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์และเมอร์ชันไดส์
สำหรับ โฮมเอนเตอร์เทนเม้นท์นั้น ได้เริ่มออกอากาศภาพยนตร์มาสค์ไรเดอร์ฮิบิกิไปแล้วเมื่อเดือนกรกฏาคมทางช่องทีไอทีวี วันอาทิตย์ เวลา 08.00-08.30 น. มีความยาว 50 ตอน นอกจากนั้นก็มีวีซีดี ดีวีดี วางจำหน่าย โดยมอบหมายให้ทางบริษัท พีรามิด จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ และมีวางจำหน่ายที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นด้วย
ส่วนตลาดเมอร์ชันไดส์ก็ได้เจรจากับพันธมิตรเพื่อรับสิทธิ์ในการนำคาแรคเตอร์ไปผลิตแล้วจำนวนมากเช่น บริษัท บีบูนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รับสิทธิ์ผลิตเสื้อผ้า , บริษัท เฟิร์สทดรีม จำกัด รับสิทธิ์ผลิตชุดว่ายน้ำ, บริษัท บีเคแอล จำกัด รับสิทธิ์ผลิตสเตชั่นเนอรี่, บริษัท วันเดอร์ทอย จำกัด รับสิทธิ์ผลิต ตุ๊กตาเป่าลม, บริษัท โปรมีเดียกิ๊ฟท์ จำกัด รับสิทธิ์ผลิตกระเป๋าและสินค้ากี๊ฟท์ชอป, บริษัท ทีเอสพี เทรดดิ้ง จำกัด รับสิทธิ์ผลิตรองเท้า, บริษัท ดรีมทอยส์ รับสิทธิ์ผลิตของเล่น โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายในส่วนของลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ประมาณ 10 ล้านบาท
“มาสค์ไรเดอร์ 3 ซีรี่ส์แรกเราก็ยังคงทำตลาดอยู่ต่อเนื่อง ส่วนตัวใหม่นี้ก็มาแรง โดยเราตั้งงบการตลาดรวมไว้ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากพอสมควร” นางพนิดากล่าว
ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯหลักๆมจาก มาสค์ไรเดอร์มากกว่า 30% หรือประมาณ 20 ล้านบาท นอกจากนั้นก็จะมีรายได้จากสินค้าคาแรคเตอร์อื่นเช่น กันดั้ม ดราก้อนบอล เป็นต้น จากรายได้รวมของบริษัทฯปีที่แล้วที่มีประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเติบโต 10-15%
นายวิเชียร นายวิเชียร หวังวีรวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด ผู้ดูแลลิขสิทธิ์ มาสค์ไรเดอร์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดขายลิขสิทธิ์การ์ตูนในปัจจุบันนั้น ตลาดคาร์แรกเตอร์ญี่ปุ่นยังถือเป็นกลุ่มที่ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด เนื่องจากพ่อแม่ในยุคนี้มีความประทับใจกับการ์ตูนญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก ประกอบกับวัฒนธรรมทางเอเชียที่ใกล้เคียงกันทำให้เด็กไทยเข้าถึงการ์ตูนญี่ปุ่นได้ง่ายกว่า ส่งผลให้แนวโน้มตลาด สินค้าลิขสิทธิ์ได้รับความสนใจและการพัฒนาทั้งผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้เป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ และผู้บริโภค ซึ่งสินค้าไม่มีลิขสิทธิ์น่าจะค่อยๆหายไปจากตลาดเมืองไทยได้ในอัตราที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหน่วยงานภาครัฐเองก็ให้ความสำคัญกับการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้อย่างจริงจัง และยังมีโครงการรณรงค์ให้คนไทยใช้สินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องอย่างที่เห็นในปัจจุบันท่ามกลางการสนับสนุนของภาคเอกชน
ในส่วนนโยบายการขายลิขสิทธิ์ของมาสค์ไรเดอร์ ฮิบิกิ นั้น นายวิเชียรกล่าวว่า เราไม่ได้เลือกลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่เราเลือกลูกค้าที่มีความภักดี (Royalty) กับมาสค์ไรเดอร์ โดยใช้ลิขสิทธิ์เพื่อผลิตสินค้าเด็กประเภทต่างๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายปี และพร้อมที่จะทำตลาดไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผลดีคือ ลูกค้าเองมีความเข้าใจตลาดลึกซึ้งขึ้น มีการเติบโตไปกับผลิตสินค้าลิขสิทธิ์มาสค์ไรเดอร์ และมาตรฐานของสินค้าก็สูงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นหมวดสินค้าเสื้อผ้า เครื่องเขียน อุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ชุดว่ายน้ำ กระเป๋าและหมวดอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา