xs
xsm
sm
md
lg

เอเปกร่วมผลักดันการเจรจาการค้าโลกรอบโดฮาภายในปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีการค้าเอเปกเห็นพ้องผลักดันการเจรจาการค้าโลกรอบโดฮาให้สำเร็จภายในกำหนดเส้นตายสิ้นปีนี้ โดยไทยร่วมกับประเทศกำลังพัฒนากลุ่มหนึ่ง เสนอทางสายกลางในการลดการอุดหนุนสินค้าเกษตร และลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็จะยังไม่ให้ความสำคัญกับการทำข้อตกลงเอฟทีเอในกลุ่มเอเปก
นายเกริกไกร จีระแพทย์
นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลการประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ครั้งที่ 13 ที่เมืองแคนส์ ประเทศออสเตรเลีย ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการเจรจาการค้าโลกรอบโดฮา ที่ชะงักงันมานานถึง 6 ปีครึ่ง และล่าสุดในการประชุมกลุ่ม G4 ที่ประกอบด้วยบราซิล อินเดีย สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (อียู) ที่เยอรมนีเมื่อเดือนที่แล้ว ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะประเทศกำลังพัฒนาเห็นว่าสหรัฐและอียู ยังอุดหนุนสินค้าเกษตรในประเทศสูงเกินไป ขณะที่สหรัฐก็มองว่าประเทศกำลังพัฒนาไม่ยอมลดภาษีนำเข้าเพื่อเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ที่ประชุมเอเปกยอมรับว่าหากการเจรจายังไม่คืบหน้าเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถตกลงกันได้ตามกำหนดเส้นตาย และจะชะงักงันไปอีกนานหลายปี จึงต้องการผลักดันให้การเจรจารอบโดฮาบรรลุผลตามเป้าหมายเดิมสิ้นปีนี้ โดยทุกฝ่ายจะต้องยอมผ่อนปรนท่าทีลง อย่ารอจนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งจะทำให้การเจรจาไม่สำเร็จ นอกจากนี้ สหรัฐควรสร้างความชัดเจนเรื่องอำนาจของประธานาธิบดี ที่จะทำข้อตกลงระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบ ซึ่งขณะนี้ประธานาธิบดีบุช หมดอำนาจดังกล่าวแล้ว ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าการเจรจาใด ๆ จะมีผลหรือไม่ รวมทั้งสหรัฐ ควรลดเพดานการอุดหนุนสินค้าเกษตรลงอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันใช้เงินอุดหนุนจริงประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ แต่ตั้งเพดานไว้ที่กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกัน ไทยและประเทศกำลังพัฒนากลุ่มหนึ่ง อาทิ เปรู เม็กซิโก ชิลี และฮ่องกง ได้เสนอทางสายกลางในการลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม โดยประเทศพัฒนาแล้ว ควรลดลงให้เหลือไม่เกินร้อยละ 10 ส่วนประเทศกำลังพัฒนาให้ลดเหลือประมาณร้อยละ 20 บวกลบ ซึ่งน่าจะเป็นสูตรที่ทุกฝ่ายยอมรับได้

ส่วนร่างต้นแบบความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ที่จะนำไปสู่การทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ในกลุ่มเอเปกนั้น ที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า การทำข้อตกลงดังกล่าวน่าจะเป็นเป้าหมายระยะยาวที่มีความยืดหยุ่น และควรให้ความสำคัญกับการเจรจารอบโดฮาก่อน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ข้อตกลงแบบพหุภาคีถูกละเลยไป นอกจากนี้ เอเปกควรให้ความสำคัญกับเป้าหมายโบกอร์ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งกำหนดให้ประเทศพัฒนาแล้วเปิดเสรีการค้าการลงทุนภายในปี 2010 ส่วนประเทศกำลังพัฒนาให้เปิดเสรีภายในปี 2020

นายเกริกไกร กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นเรื่องการรับสมาชิกใหม่ของเอเปก โดยเห็นว่ายังไม่ควรเปิดรับในเวลานี้ โดยที่ผ่านมามีประมาณ 3 ประเทศ ที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการเข้าเป็นสมาชิกเอเปก ได้แก่ อินเดีย กัมพูชา และโคลัมเบีย

นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก ยังเห็นชอบร่างแผนงานอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อลดต้นทุนการทำธุรกรรมลงอีกร้อยละ 5 ภายในปี 2010 อาทิ พิธีการด้านศุลกากร อี-คอมเมิร์ซ และการเดินทางของนักธุรกิจ ซึ่งแผนงานดังกล่าวไทยพร้อมปฏิบัติได้ทันที เพราะมีแผนงานอำนวยความสะดวกในกลุ่มอาเซียน ที่เรียกว่า Single Window ซึ่งตั้งเป้าให้มีผลในทางปฏิบัติในปี 2008 อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังหารือถึงการปรับโครงสร้างของกลุ่มเอเปก ซึ่งปัจจุบันประเทศเจ้าภาพจะทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการ และประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปีต่อไปเป็นรองเลขาธิการ แต่ในอนาคตอาจมีสำนักงานเลขาธิการถาวร และจัดงบประมาณให้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก จะหารือกันต่อในวันพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ก่อนที่จะสรุปผลเสนอต่อที่ประชุมระดับผู้นำในเดือนกันยายนนี้ ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ส่วนการประชุมปีหน้าจะจัดขึ้นที่ประเทศเปรู
กำลังโหลดความคิดเห็น