สมาพันธ์ต้านค้าปลีกต่างชาติ ร้องสื่อถูกโลตัสรุกคืบขยายสาขาในลพบุรี ระบุทำประชาพิจารณ์ไม่โปร่งใส มีการชี้นำ และขาดความชัดเจน ด้าน “สนธิ” แนะใช้ความสามัคคีแสดงพลัง เพื่อให้รัฐบาลรับรู้ถึงปัญหาที่ชัดเจนแล้วนำไปแก้ไข
วันนี้ (29 มิ.ย.) กลุ่มสมาพันธ์ต้านค้าปลีกต่างชาติ ได้เดินทางเข้าพบ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับการขยายสาขาของห้างเทสโก้ โลตัส ใน อ.ชัยบาดาล และ อ.โคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ซึ่งได้มีการยื่นแบบก่อสร้างไปแล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำประชาพิจารณ์เพื่อรวบรวมข้อมูล
ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มสมาพันธ์ฯ ได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการส่งหนังสือร้องเรียนไปถึงกระทรวงมหาดไทยแล้วในเรื่องการขอระงับการขยายสาขาของห้างค้าปลีกต่างชาติใน อ.ชัยบาดาล และ อ.โคกสำโรง แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินการแต่อย่างใด ซึ่งทางกลุ่มก็ได้มีการจับตาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการทำประชาพิจารณ์ที่ไม่มีความชัดเจน และพฤติกรรมของนักวิชาการที่เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ไม่มีความเชี่ยวชาญ อีกทั้งมีการกีดกันไม่รับความคิดเห็นของบางกลุ่มทำให้การทำประชาพิจารณ์มีความไม่โปร่งใส
“พฤติกรรมของนักวิชาการที่ส่งมามีลักษณะชี้นำ และไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการค้าปลีก ซึ่งข้อมูลที่นำมาเปิดเผยเป็นเพียงข้อมูลในด้านดี แต่เมื่อถามถึงผลเสียแล้วกลับไม่มีคำตอบ แถมหัวข้อในการทำประชาพิจารณ์ยังคลุมเครือจนอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้”
สำหรับการเดินทางเข้าร้องเรียนในครั้งนี้ต้องการที่จะให้ทางสื่อมวลชนช่วยตีแผ่ในเรื่องความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น หากมีการขยายสาขาของห้างค้าปลีกต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีความพยายามมาโดยตลอด แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่เหมือนบางจังหวัดที่มีการระงับการก่อสร้างไปแล้ว และหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีให้แก้ไขเรื่องดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการได้ออกมารับเรื่องร้องเรียนด้วยตัวเอง และกล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้พูดเกี่ยวกับการค้าปลีก หรือธุรกิจขนาดเล็กของไทยมาตลอด โดยการเข้ามาของค้าปลีกต่างชาติที่ถือว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทำให้กระทบต่อการดำเนินชีวิตของสังคมไทย ซึ่งหากอยากให้การแก้ไขเป็นไปอย่างรวดเร็วก็อยากจะแนะนำให้ร้านค้าขนาดย่อมไม่ว่าจะเป็นในลักษณะไหนหรือขายอะไรมีการรวมตัวกันทั่วประเทศ แล้วแสดงพลังให้เห็น เพื่อให้รัฐบาลเร่งออก พ.ร.บ.ค้าปลีก พร้อมระงับการขยายสาขาของห้างใหญ๋ในประเทศไทย
ทั้งนี้ อยากให้คิดว่าร้านค้าปลีกในประเทศไทยไม่ใช่เป็นเพียงร้านโชวห่วย แต่อยากให้ร่วมไปถึงร้านค้าขนาดเล็กอื่นๆ ซึ่งมีวิธีชีวิตตามแบบไทย ที่สร้างตัวเองขึ้นมาทำมาหากินโดยเสียภาษี และไม่ได้ทำร้ายใคร และถือว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการประกอบการแบบ SME ซึ่งขณะนี้กำลังถูกกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่เข้าครอบงำ โดยต้องแสดงออกให้ทางรัฐบาลรับรู้ว่าหากต้องการจะส่งเสริมธุรกิจโอท็อปก็ต้องช่วยคุ้มครองเรา เพราะหากไม่เหลียวแลก็เป็นการทำให้ธุรกิจในระดับนี้ต้องตายจนเป็นผลให้ประเทศถูกครอบงำจากธุรกิจข้ามชาติพวกนี้
“เราต้องสามัคคีกันและร่วมตัวกันให้ได้ทั่วประเทศ อย่าคิดเพียงโชวห่วยอย่างเดียวต้องร่วมตัวกันทั้งร้านค้าอื่นด้วยที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ไม่ว่าจะขายอะไรก็ตาม เพราะพวกห้างใหญ่มันจะครอบงำหมด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ซึ่งพวกนี้จะมีวิชามารที่สามารถฆ่าคุณได้”
นายสนธิ กล่าวอีกว่า การเข้ามาของห้างค้าปลีกต่างชาติ ซึ่งมีการขายต่ำกว่าราคาจากความได้เปรียบของขนาด โดยที่นำรายได้ส่วนอื่นมาทดแทน จึงถือว่าไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน โดยในการแก้ไขระยะยาวพวกเราต้องรวมตัวกัน และดูว่าพรรคการเมืองใดมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวเรื่องนี้ ก็ให้ช่วยกันผลักดันให้ได้การเข้ามาเป็นตัวแทน เพื่อช่วยเหลือให้มีการออกพรบ.คุ้มครองผู้ค้าปลีกที่มีความสมบูรณ์ในการแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้