“สุวิทย์” เร่งกวาดเงินก้นกระเป๋าให้ได้ 100 ล้านบาท เดินหน้ากระตุ้นท่องเที่ยวอีกครึ่งปีที่เหลือ หลังกินแห้วงบพิเศษ 500 ล้านบาท ด้าน ททท.เฉือนงบบางกอกฟิล์มอีกรอบ เหลือแค่ 65 ล้านบาท เตรียมนำเงินส่วนที่เหลือกระตุ้นท่องเที่ยวให้ได้ตามเป้าหมาย เผยถึงสิ้นปีลุยเปิดตัวอีก 3 แคมเปญใหญ่
ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเร่งหาเงินประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการจัดกิจกรรม การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเงินงบประมาณในปีนี้จากทุกส่วนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่ยังมีอยู่เพื่อใช้จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดว่าพอจะปรับลดในส่วนใดได้บ้าง เพื่อนำมาใช้จัดทำการโปรโมตครั้งใหญ่ ซึ่งน่าจะทราบผลการรวบรวมเงินครั้งนี้ได้ในเดือนกรกฎาคมศกนี้
“จากการที่ ครม.ไม่อนุมัติงบกระตุ้นท่องเที่ยวพิเศษให้แก่ ททท.จำนวน 500 ล้านบาท นั้น เราจึงต้องกลับมาดูแผนงานทั้งหมดของ ทททงอีกครั้ง เพื่อปรับกระบวนยุทธ์ สิ่งไหน กิจกรรมใดที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง หรือคิดปรับลดงบประมาณที่จะใช้ เพื่อนำเงินบางส่วนไปใช้ทำงานในสิ่งที่จำเป็นกว่า แต่ต้องคงความยิ่งใหญ่ของงานไว้เท่าเดิม ส่วนการรวบรวมเงินครั้งนี้จะได้จำนวนเท่าใดยังไม่ทราบแน่ ซึ่งหากไม่พอ ก็ได้เจรจากับสำนักงบประมาณไว้แล้วว่า ททท. อาจต้องเสนอขอความช่วยเหลือบ้าง”
หั่นบางกอกฟิล์มเหลือ 65ล้านบาท
ทางด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ล่าสุด ททท.ได้ตัดสินใจปรับลดงบการจัดงาน บางกอกฟิล์ม 2007 ลงอีกราว 50% กล่าวคือ ที่ผ่านมา ททท.ปรับลดงบการจัดงานนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง จาก 220 ล้านบาท ลดลงเหลือ 131 ล้านบาท ในขณะนี้ ททท.จะปรับลดอีก 50% จากวงเงิน 131 ล้านบาท โดยจะใช้งบเพื่อจัดงานบางกอกฟิล์มในปีนี้เพียง 65 ล้านบาท เพื่อนำส่วนที่ปรับลดมาใช้กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวตามแผนกระตุ้นพิเศษที่ ททท.ได้จัดทำขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ยอมรับว่า การที่ ททท.ไม่ได้งบพิเศษ 500 ล้านบาทนั้นเป็นผลทำให้ ททท.ต้องปรับแผนงานที่จะดำเนินงานกระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อใช้เงินที่มีอยู่ทำการกระตุ้นตลาดเพื่อให้ได้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศถึงสิ้นปี 14.8 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5.4 แสนล้านบาท โดยเป้าหมายหลัก ททท.จะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะในแถบอาเซียนให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ให้มากขึ้น เพราะเป็นตลาดใกล้ ตัดสินใจเร็ว หากเข้าเชื่อมั่นประเทศไทย และ มีแคมเปญพิเศษที่น่าสนใจ เขาก็จะเดินทางมาทันที
ส่วนแผน 6 เดือนที่เหลือในปีนี้ (ก.ค.-ธ.ค.) สำหรับตลาดในประเทศ ททท.จะตัดแคมเปญหรือกิจกรรมเล็กๆออกให้หมดเหลือเพียง 10 แคมเปญ ทั่วประเทศ โดยถ้าเป็นระดับจังหวัดก็ขอความร่วมมือกับภาคเอกชน และ ภาคราชการส่วนจังหวัดในเรื่องงบประมาณส่วนททท.ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ ส่วนแคมเปญใหญ่ ที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้ มี 3 แคมเปญ ได้แก่
1. “เที่ยวไทยให้สนุก เติมความสุขให้ชีวิต” เริ่มเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ โดย ททท.จะจัดทำป้ายโฆษณา และป้ายคัดเอาท์ ติดตามจุดต่างๆทั่วประเทศ พร้อมหาพันธ์ร่วโปรโมต ขณะนี้ที่ตกลงแล้ว ได้แก่ กลุ่มซีพี , บัตรเครดิตกรุงไทย ,ปตท. ,เบียร์สิงห์ และ บริษัทรถยนต์
แคมเปญที่ 2 “80 วันร่วมกันทำดี” เปิดตัว 16 กันยายน ถึง 5 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นคอนเซปต์เดียวกับแคมเปญของรัฐบาลที่ให้คนไทยทำดี เพื่อถวายในหลวง และ แคมเปญที่ 3 “เจ้าพระยาสดใส เทิดไท้องค์ราชัน” แคมเปญนี้ จะเน้นการจัดกิจกรรมในกรุงเทพ โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นธีมในการจัดกิจกรรม
อย่างไรก็ตาม ในสว่นของแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ บีบีซี ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่ง จะเริ่มออกอากาศในต้นเดือนหน้า ในประเทศย่านเอเชีย อินเดีย ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นต้น สำหรับตลาดในประเทศ ก็จะหาพันธมิตรในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดการใช้งบประมาณของ ททท.
ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเร่งหาเงินประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในการจัดกิจกรรม การโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเงินงบประมาณในปีนี้จากทุกส่วนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่ยังมีอยู่เพื่อใช้จัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดว่าพอจะปรับลดในส่วนใดได้บ้าง เพื่อนำมาใช้จัดทำการโปรโมตครั้งใหญ่ ซึ่งน่าจะทราบผลการรวบรวมเงินครั้งนี้ได้ในเดือนกรกฎาคมศกนี้
“จากการที่ ครม.ไม่อนุมัติงบกระตุ้นท่องเที่ยวพิเศษให้แก่ ททท.จำนวน 500 ล้านบาท นั้น เราจึงต้องกลับมาดูแผนงานทั้งหมดของ ทททงอีกครั้ง เพื่อปรับกระบวนยุทธ์ สิ่งไหน กิจกรรมใดที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง หรือคิดปรับลดงบประมาณที่จะใช้ เพื่อนำเงินบางส่วนไปใช้ทำงานในสิ่งที่จำเป็นกว่า แต่ต้องคงความยิ่งใหญ่ของงานไว้เท่าเดิม ส่วนการรวบรวมเงินครั้งนี้จะได้จำนวนเท่าใดยังไม่ทราบแน่ ซึ่งหากไม่พอ ก็ได้เจรจากับสำนักงบประมาณไว้แล้วว่า ททท. อาจต้องเสนอขอความช่วยเหลือบ้าง”
หั่นบางกอกฟิล์มเหลือ 65ล้านบาท
ทางด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ล่าสุด ททท.ได้ตัดสินใจปรับลดงบการจัดงาน บางกอกฟิล์ม 2007 ลงอีกราว 50% กล่าวคือ ที่ผ่านมา ททท.ปรับลดงบการจัดงานนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง จาก 220 ล้านบาท ลดลงเหลือ 131 ล้านบาท ในขณะนี้ ททท.จะปรับลดอีก 50% จากวงเงิน 131 ล้านบาท โดยจะใช้งบเพื่อจัดงานบางกอกฟิล์มในปีนี้เพียง 65 ล้านบาท เพื่อนำส่วนที่ปรับลดมาใช้กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวตามแผนกระตุ้นพิเศษที่ ททท.ได้จัดทำขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ยอมรับว่า การที่ ททท.ไม่ได้งบพิเศษ 500 ล้านบาทนั้นเป็นผลทำให้ ททท.ต้องปรับแผนงานที่จะดำเนินงานกระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อใช้เงินที่มีอยู่ทำการกระตุ้นตลาดเพื่อให้ได้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศถึงสิ้นปี 14.8 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 5.4 แสนล้านบาท โดยเป้าหมายหลัก ททท.จะดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะในแถบอาเซียนให้เข้ามาเที่ยวประเทศไทยช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ให้มากขึ้น เพราะเป็นตลาดใกล้ ตัดสินใจเร็ว หากเข้าเชื่อมั่นประเทศไทย และ มีแคมเปญพิเศษที่น่าสนใจ เขาก็จะเดินทางมาทันที
ส่วนแผน 6 เดือนที่เหลือในปีนี้ (ก.ค.-ธ.ค.) สำหรับตลาดในประเทศ ททท.จะตัดแคมเปญหรือกิจกรรมเล็กๆออกให้หมดเหลือเพียง 10 แคมเปญ ทั่วประเทศ โดยถ้าเป็นระดับจังหวัดก็ขอความร่วมมือกับภาคเอกชน และ ภาคราชการส่วนจังหวัดในเรื่องงบประมาณส่วนททท.ช่วยเรื่องประชาสัมพันธ์ ส่วนแคมเปญใหญ่ ที่จะเปิดตัวครึ่งปีหลังนี้ มี 3 แคมเปญ ได้แก่
1. “เที่ยวไทยให้สนุก เติมความสุขให้ชีวิต” เริ่มเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ โดย ททท.จะจัดทำป้ายโฆษณา และป้ายคัดเอาท์ ติดตามจุดต่างๆทั่วประเทศ พร้อมหาพันธ์ร่วโปรโมต ขณะนี้ที่ตกลงแล้ว ได้แก่ กลุ่มซีพี , บัตรเครดิตกรุงไทย ,ปตท. ,เบียร์สิงห์ และ บริษัทรถยนต์
แคมเปญที่ 2 “80 วันร่วมกันทำดี” เปิดตัว 16 กันยายน ถึง 5 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นคอนเซปต์เดียวกับแคมเปญของรัฐบาลที่ให้คนไทยทำดี เพื่อถวายในหลวง และ แคมเปญที่ 3 “เจ้าพระยาสดใส เทิดไท้องค์ราชัน” แคมเปญนี้ จะเน้นการจัดกิจกรรมในกรุงเทพ โดยใช้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นธีมในการจัดกิจกรรม
อย่างไรก็ตาม ในสว่นของแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ บีบีซี ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่ง จะเริ่มออกอากาศในต้นเดือนหน้า ในประเทศย่านเอเชีย อินเดีย ตะวันออกกลาง และออสเตรเลีย เป็นต้น สำหรับตลาดในประเทศ ก็จะหาพันธมิตรในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดการใช้งบประมาณของ ททท.