xs
xsm
sm
md
lg

พิษเศรษฐกิจฟาดโบว์ลิ่งทรงตัว เมเจอร์ฯเร่งผุดสาขา-อัดกิจกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมเจอร์โบว์ล โอดพิษเศรษฐกิจชะลอตลาดโบว์ลิ่งไม่คึกคักเท่าที่ควร แค่ทรงๆ รับครึ่งปีแรกเปิดสาขาใหม่น้อย เร่งเครื่องครึ่งปีหลังอีก 4 สาขา เน้นตลาดภูธรทั้งหมด หวังสิ้นปีนี้มีจำนวนเลน  528 เลน พร้อมเดือนหน้าเล็งรีวิวแผนตลาดและรายได้ใหม่ จากเดิมคาดเติบโต 20%

นายอาทร เตชะตันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ล กรุ้ป จำกัด เปิดเผยว่า ตามแผนงานเดิมของบริษัทฯที่วางเป้าหมายไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ว่า ในปีนี้จะมีผลประกอบการโดยรวมประมาณ  65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 20% จากเดิมที่มีรายได้ 580 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วมีการเติบโต 20% เท่ากัน

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ปรากฎว่า ธุรกิจโบว์ลิ่งรวมยังอยู่ในภาวะทรงตัว ไม่ได้เติบโตมากนัก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องขึ้นเท่าใด รวมถึงเมเจอร์ฯเองที่เปิดสาขาใหม่ในครึ่งปีแรกนี้ไม่มากโดยเปิดได้เพียง  2 สาขาเท่านั้นคือ ที่อิมพีเรียลสำโรง 20 เลน และบิ๊กซี ลาดพร้าว 10 เลน รวมเป็น 30 เลน ซึ่งน้อยกว่าช่วงครึ่งปีแรกปีที่แล้วที่เปิดได้มากกว่า 50 เลน

ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกต้องเร่งขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 4 สาขาทั้งโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ โดยเตรียมที่จะเปิดสาขาใหม่อีกที่  พิษณุโลก 8 เลน ในเดือนหน้า  ที่พัทยา 24 เลน ในไตรมาสสาม และ ที่ชลบุรี 12 เลน  และอยุธยา 12 เลนในปลายปี ซึ่งคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีเลนโบว์ลิ่งเพิ่มขึ้นมาใหม่รวมกับของเดิมเป็น 526 เลน จำนวน 29 สาขา จากปัจจุบันที่มีประมาณ  472 เลน  โดยเมื่อสิ้นปีที่แล้วมีจำนวน 442 เลนจากจำนวน 23 สาขา ซึ่งการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดให้เติบโตได้ไม่น้อยกว่า  5%

“ในเดือนหน้าคงอาจจะต้องมาพิจารณาดูอีกครั้งว่าจะมีการปรับเป้าหมายรายได้หรือแผนงานหรือไม่ ซึ่งปรกติเราก็จะต้องทำการรีวิวอยู่แล้วทุก 6 เดือน  ซึ่งรายได้จากโบว์ลิ่งนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% จากรายได้รวมทั้งกลุ่มของเมเจอร์กรุ้ป” นายอาทรกล่าว

ทั้งนี้บริษัทฯยังไม่มีแนวคิดที่จะเปิดแบบสแตนด์อโลนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสาขาแบสแตนด์อโลนอยู่ 1 สาขาคือที่ ปิยะรมย์สุขุมวิทกับเจอเวนิวทองหล่อ ซึ่งสาขาใหม่ทั้งหมดยังคงเกาะกลุ่มไปกับธุรกิจโรงหนังเมเจอร์ฯเหมือนเดิม  เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยเกื้อหนุนกันในการทำให้ลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการ ซึ่งจากการสำรวจของบริษัทฯพบว่า  จำนวนลูกค้าประมาณ 20-30% จากจำนวนที่มาดูหนังที่เมเจอร์ฯจะเข้ามาเล่นโบว์ลิ่งต่อ

แต่ในอนาคตจะมีแบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้นอีกหรือไม่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ โดยปัจจุบันมี 2 แบรนด์คือ เมเจอร์โบว์ลฮิต สัดส่วนรายได้ 80%  และบลูโอ สัดส่วนรายได้ 20% ที่มี 2 สาขาคือที่ สยามพารากอนและเอสพละนาดเท่านั้น ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พรีเมียมกว่าเมเจอร์โบว์ลฮิต ทั้งการตกแต่ง ราคาค่าเล่น รูปแบบการบริกร  และปลายปีนี้เตรียมปรับสาขารัชโยธินซึ่งอาจจะเปลี่ยนมาเป็นบลูโอก็ได้

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีแผนที่จะจัดกิกรรมด้านการตลาดและทำซีอาร์เอ็มอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอยู่แล้ว ทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรภายในเครือและนอกเครือ โดยใช้งบการตลาดประมาณ 5% จากยอดรายได้รวม  โดยจะมีแคมเปญใหญ่ 1 แคมเปญต่อไตรมาส และยังมีกิจกรรมที่ทำแต่ละสาขาอีกด้วย

ปัจจุบันนี้กลุ่มลูกค้าหลักแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มวอล์คอิน กับกลุ่มทัวร์นาเม้นท์ที่มากันเป็นองค์กรกลุ่มใหญ่ แบ่งสัดส่วนรายได้ประมาณ 90% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งแต่ะเดือนจะมีทัวร์นาเม้นท์ไม่ต่ำกว่า  250 งานต่อเดือนจากทุกสาขารวมกัน  คาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากทัวร์นาเมนท์อาจจะเพิ่มขึ้นมาบ้างแต่ไม่มากนักอีกประมาณ 5%

นายอาทรกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีฐานสมาชิกประมาณ 15,000 ราย ซึ่งกลุ่มนี้ถือได้ว่าเป็นกลุ่มประจำมีอัตราการเข้ามาใช้บริการมากประมาณ 3 ครั้งต่อสัปดาห์  และใช้เวลาในการเล่นเฉลี่ย  2 ชั่วโมงประมาณ 4-5 เกม

ล่าสุดได้จับมือกับพันธมิตรคือ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ เป็นปีที่ 2 แล้วจัด 2 แคมเปญใหญ่ คือ การแข่งขันไอซ์สเก็ตสุดมหัศจรรย์  “Fantastic 4 on ice” ที่ซับซีโร่ไอซ์สเก็ตคลับ และการแข่งขัน Die Hard 4 The Bowl Battle ตอน วัดดวงช่วยตัวประกัน นอกจากนี้บริษัทฯยังจัดแคมเปญเพิ่มอีกคือ “โบนัส พาสปอร์ต”  เพื่อให้ลูกค้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าแคมเปญทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มยอดรายได้ 5%
กำลังโหลดความคิดเห็น